7/16/2018

ผมไม่ใช่ฮัโร่ แค่คนต่อจิ๊กซอว์ และ เรื่องเล่าจาก วรวัฒน์ ขุนทอง!!!




มาดูลีลา 'ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์' จับไมค์ร้องเพลงแพ้ใจ-ทรายกับทะเล ชิลๆหลังเสร็จภารกิจถ้ำหลวง



เรื่องเล่า.. ผู้ว่าฯ หน้าถ้ำ โดย วรวัฒน์ ขุนทอง ไทยรัฐทีวี

หลังเสร็จภารกิจช่วย 13 ชีวิตทีมหมูป่าออกจากถ้ำ คืนหนึ่งที่ห้องอาหารโรงแรมแม่โขงเดลต้า ของเจ๊ติ๋ม ผมกับเหยี่ยวข่าวรุ่นเดอะหลายคน มีโอกาสพูดคุยกับผู้ว่าฯ ณรงศักดิ์ ที่ได้ฉายา ผู้ว่าฯถ้ำหลวง , ผู้ว่าฯที่สุดในปฐพี ไปแล้ว

คืนนั้นเป็นคืนที่ท่านขึ้นร้องเพลง เชียงรายรำลึก บนเวที สะกดอารมณ์ พวกเราที่นั่งอยู่ด้วยกันจนคว้าโทรศัพท์มาถ่ายคลิปแทบไม่ทัน ...

ก็เพราะเพลงนี้ท่านร้องมันด้วยหัวใจ และเป็นเครื่องตอกย้ำว่าท่านจะไม่ลืม เชียงราย แม้จะย้ายไปพะเยาแล้วก็ตาม!!

"ท่านจะลืมเชียงรายได้ไง ลืมไม่หลงหรอก ก็ภารกิจช่วยทีมหมูป่ายืดเยื้อยาวนานหลายสิบวันขนาดนั้น ทุกข์ก่อนสุข ยังไงก็ลืมไม่ลง" ผมแอบสบถในใจสวนทางเสียงเพลงที่ผู้ว่าฯหลับตาร้อง..

หลังลงจากเวทีได้ยืนคุยกับท่านเป็นชั่วโมงๆ ด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มทั้งพวกเราและท่านผู้นำ

"ผมถามจริงๆ คิดยังไงถึงกล้าไล่นักข่าวลงจากหน้าถ้ำหลังวันเจอเด็ก" ผมถามนำ เพื่อให้หายข้องใจ

คำตอบที่ได้ออกมาหลังรอยยิ้มมุมปาก พระเอกของเราบอก เอาตรงๆนะ ผมก็ไม่ได้มั่นใจอะไรเลย ว่านักข่าวจะยอมออกจากพื้นที่ ตอนนั้นวัดดวง 50-50 ผมก็เสี่ยงนะ ที่จะทะเลาะกับสื่อทั่วโลก แต่มันต้องทำ เพราะก่อนนั้นผมลองซ้อมแผนเคลื่อนย้ายเด็กแล้ว แต่เวลาไม่น่าพอใจ พลาดนิดเดียวเด็กเป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบล่ะ

เป็นคำตอบที่ทำให้ผมอึ้งไปนิด ก่อนตะล่อมถามอีกว่า แล้วถ้านักข่าวไม่ยอมล่ะ ผู้ว่าฯ สวนกลับทันควัน ถ้าไม่ยอมออกก็มีแผนสอง คือผมจะประกาศเลยว่า ถ้าสื่อไม่ยอมถอย และหากเด็กหรือจนท.ที่บาดเจ็บในนั้นเป็นอะไรไป จากการเคลื่อนย้าย สื่อจะต้องรับผิดชอบ!!

ท่านตอบโดยไม่เสียเวลาคิด นักข่าวอย่างผมก็อึ้ง!สิครับ..

ผู้ว่าถ้ำหลวง เล่าให้ฟังถึงสเต็ปในการคุมสถานการณ์ ว่ามั่นใจมาตั้งแต่แรกว่าเด็กๆ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่เคยคิดว่าเด็กๆ จะหายไปกับน้ำ หรือ หมดลมหายใจ ก็เพราะท่านทำการบ้านตลอดระยะเวลาที่คุมสถานการณ์ ท่านจบวิศวกร มีเพื่อนหลากหลายอาชีพ ทั้งหมอ วิศวะ ตำรวจ ทหาร ท่านโทร.หาดะ เพื่อให้ช่วยกันประเมินชีวิตเด็กตอนที่ยังไม่พบ

เพื่อนๆ ผู้ว่าฯ ในทุกสาขาอาชีพ ยืนยันล้าน % ว่า13 ชีวิตต้องรอด เพราะคนติดถ้ำแม้ไม่มีอาหารก็ยังมี น้ำ ที่สามารถเลี้ยงชีวิตได้ไม่ต่ำกว่า 30 วัน ท่านจึงหวังและสั่งหน่วยซีล กู้ภัย ลุยเข้าไปในถ้ำหลวงแบบไม่คิดชีวิต

ท่านไม่เคยคิดว่าเด็กจะมีใครเป็นอะไร เพราะเป็นนักกีฬาและเป็นเด็กตจว. ที่คุ้นเคยกับถ้ำหลวงแห่งนี้

แต่ผมถามสวนทางไปว่า "แต่ตอนนั้นหลายคนมองว่าท่านขายฝันว่าเด็กยังมีชีวิต เพื่อให้กำลังใจญาติและคนที่เฝ้ารอ"

จึงได้คำตอบจากผู้นำถ้ำหลวง ว่า ผมจะไม่ยอมให้ใครเหนื่อยหรือเข้าไปเสี่ยงแบบนั้นแน่ ถ้าประเมินแล้วเด็กไม่น่าจะรอด แต่นี่ผมมั่นใจว่ารอด เพราะผมใช้การประเมินของตัวเอง เพื่อนร่วมอาชีพ และทีมที่ปรึกษา ที่อยู่รอบตัวผม จึงกล้าตัดสินใจ และคุมเกมจนอยู่หมัด

คุณไม่เห็นเหรอ ตอนยังไม่เจอหน้าตาผมเป็นยังไง ผมเครียดในใจ แต่สีหน้าผมต้องยิ้มแย้ม ให้กำลังใจทุกคน คุณไม่เห็นเหรอ ว่าผมจะเดินดูทุกจุด ทุกเต้นท์ เจอใครผมจะเข้าไปสวมกอดให้กำลังใจเขา พร้อมกับบอกว่าน้องๆ ต้องรอด ต้องไม่มีใครเป็นอะไร

ผมเดินให้กำลังใจทั้งที่ตัวผมเองก็ป่วย เจ็บที่หลัง จากการกระแทกอะไรสักอย่างตอนอยู่หน้าถ้ำ ผมต้องแอบไปหาหมอสนาม กระซิบหมอสองต่อสองเพื่อขอยากิน ไม่ขอพยาบาล เพราะเดี๋ยวความแตก หากทุกคนรู้ว่าผมป่วย ก็จะถอดใจไปซะหมด

ผมกินยาแทบทุกวัน นอนวันละไม่ถึงชั่วโมง เดินวนไปทางไหนก็เจอแต่สหายร่วมรบ อย่างหน่วยซีล และกู้ภัย มันทำให้ผมบอกตัวเองว่า ผมจะป่วยไม่ได้ ล้มไม่ได้ ถ้าหายไปใครจะมาตัดสินใจสั่งการ ผมเลยต้องกัดฟันทำอยู่แบบนั้นหลายสิบวัน จนกระทั่งได้ข่าวดีว่าเจอเด็กๆ

มาถึงตอนนี้ผมเลยขัดจังหวะถามท่านแม่ทัพถ้ำหลวงแบบขวางๆ ว่า เจอ
แล้วก็ไม่ใช่ง่ายว่าจะออกมาได้ปลอดภัยทุกคน

แม่ทัพหน้าถ้ำ ตอบกลับมาว่า ตอนเจอเรามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ผมไม่คิดอะไรแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น คิดอย่างเดียว คือเอาเด็กออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะพายุลูกใหม่กำลังจะมา เรามีเวลาไม่มากนะ กับการกู้ภัยในถ้ำ ในสภาวะที่น้ำท่วมเต็มไปหมด ผมหารือกับทุกคนรอบตัว รวมทั้งใช้ทักษะด้านวิศวกรที่ผมเรียนมา

เอามาคำนวนเรื่องน้ำในถ้ำ ว่าต้องเอาออกในปริมาณเท่าไหร่ จึงพอจะเอาออกได้ .. ตอนนั้นคุยกับผู้การฯซีล สรุปตรงกัน ว่าถ้ามีฝนเติมลงมา เราจะเร่งสูบน้ำ เอาแค่พอน้ำในถ้ำลดลงพ้นเพดานถ้ำ ให้นักดำน้ำโผล่มาหายใจได้ก็พอ รวมทั้งแขวนขวดอากาศเป็นระยะๆ ให้นักดำน้ำได้ใช้เวลาเข้า-ออก พวกเราจึงได้เร่งสูบน้ำบาดาล น้ำในถ้ำกันทั้งวันทั้งคืน

และมีอีกส่วนที่เดินเท้าขึ้นไปบล็อกทางน้ำไม่ให้ไหลเข้าถ้ำเท่าที่จะทำได้ ซึ่งปรากฎว่าแผนเราได้ผล ประจวบกับฟ้าฝนเป็นใจไม่ตกลงมาซ้ำ ผมจึงสั่งปฎิบัติการณ์ทันที

ก็นับว่ายังดีที่เด็กไม่ได้เข้าไปลึกกว่าเนินนมสาว เพราะหากลึกไปกว่านั้น ทุกอย่างจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้

ถ้านักข่าวจำคำพูดผมได้ มีวันนึงผมนั่งแถลงข่าว บอกใบ้ว่า ไม่มีวันไหนพร้อมเท่าวันนี้อีกแล้ว นั่นก็คือวันก่อนปฏิบัติการ เป็นวันที่ผมส่งสัญญาณให้ทุกคนรู้ และสั่งนักข่าวออกนอกพื้นที่ ทั้งที่ในใจก็ไม่คิดหรอก ว่านักข่าวจะยอมหนี (หัวเราะ) แต่พวกคุณก็ยอม ทำให้ผมเบาใจไปเยอะ และกล้าลงมือเพราะจะไม่เกิดความวุ่นวายหน้าถ้ำแน่นอน

มาถึงบรรทัดนี้ ดูเหมือน ผู้ว่าฯ จะสนทนาอย่างออกรส ซะแล้ว เล่นทำให้ผมอดถามไม่ได้ ว่าท่านใช้แผนอะไรเผด็จศึกนักข่าวอย่างพวกผมบ้าง

ท่านผู้นำถ้ำหลวง ตอบเลยเดี๋ยวนั้น ว่าไม่ได้ใช้อะไรเลย แค่ประเมินท่าทีพวกคุณไง เริ่มจากการกั้นโซนให้อยู่ในเชือก แล้วก็เอาสแลนมาขึงหน้าถ้ำ หยั่งเชิงไปทีละนิดๆ ว่าพวกคุณรับได้แค่ไหน ปรากฎว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน เลยทำให้ผมคิดว่าสามารถขอให้ออกจากพื้นที่ได้ ก็เลยมีคำสั่งย้ายนักข่าวในวันนั้น ผมใช้จิตวิทยาล้วนๆ

"อ่อ..แบบนี้นี่เองถึงทำให้นักข่าวแพ้ทางผู้ว่า" ผมแอบบ่นในใจ!!

แต่ก็อดที่จะถามนำอีก ว่า ท่านมั่นใจแค่ไหนว่าเด็กจะออกมาครบทั้ง 13 คน ผู้ว่าฯบอกว่า มั่นใจสิ นอกจากผมมีทีมงานที่ดีแล้ว ผมยังมีความมั่นใจเต็มร้อย เพราะผมคิดว่าดวงผมแข็งพอ ที่จะทำงานนี้สำเร็จ

พอท่านพูดถึงเรื่องดวง ทำให้ผมรีบถามถึงพระที่ห้อยคอตามที่เป็นข่าว ท่านผู้นำของเราบอกว่า .. ท้าวเวสสุวรรณ แต่ไม่บอกว่าวัดไหน ไปหาเอาเอง (ยิ้มหัวเราะร่วนนน) ผมจบวิศวะเป็นนักเรียนนอก แต่ก็เชื่อเรื่องพวกนี้นะ คุณรู้ป่าวว่า ผมเฉียดความตายมาแล้ว 2- 3 หน

ครั้งแรกขึ้นเครื่องบินเครื่องยนต์หยุดทำงาน ผมก็รอด อีกครั้งนึงตอนรถแก๊สระเบิดสุขุมวิท ผมก็รอดเพราะขับรถออกมาก่อนตรงจุดนั้นไม่กี่วินาที ผมเป็นคนดวงแปลกๆ นะ มักจะเจออะไรแบบนี้ แต่สุดท้ายก็รอดทุกที มาครั้งนี้ผมมั่นใจ ว่าต้องทำได้ และมันก็ได้จริงๆ แม้บางครั้งจะหายใจไม่ทั่วท้อง

มาถึงบทสนทนาตรงนี้ ทำให้ผมถามย้ำพ่อเมือง ว่าหากน้ำในถ้ำไม่ลด ท่านจะเลือกใช้แผนอะไรในการช่วยเด็ก ท่านผู้ว่าตอบว่า ผมสั่งลุย! มันไม่มีวิธีไหนที่จะทำได้อีกแล้ว จริงอยู่ที่การขุดโพรงทำคู่กันไป แต่โดยหลักการแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะโพรงแต่ละโพรงมันไม่ได้ลงตรงมาในถ้ำ มันคดเคี้ยวไปมา และตัน จนแทบจะไม่มีโอกาส

เพราะฉะนั้นหนทางที่ดีที่สุด ก็คือการดำน้ำเข้าไปช่วย ตอนนั้นผมมีเดทไลน์ไว้ หากน้ำไม่ลด เราก็จะลุยมุดน้ำเข้าไปเลยโดยไม่รอพายุลูกใหม่ที่กำลังจะมา แต่โชคดีที่การสูบน้ำเป็นผล เลยทำให้ภารกิจสำเร็จ

ยิ่งคุยยิ่งได้เห็นตัวตนของผู้ว่าฯคนนี้ ว่าแท้จริงแล้วท่านติดดินจริงๆ ภาพแห่งความเคร่งขรึมที่เคยเห็นหน้าถ้ำหายวับไปกับตา

ท่านใส่รองเท้าแตะ พับเสื้อเชิ้ตแขนยาวนิดๆ ดูสบายๆ โดยมีคุณนายที่เคยเรียนวิศวะมาด้วยกัน คอยเดินตามคอยดูแลไม่ห่าง

ผมถามเชิงหยอกเอิน ว่า.. มีหลายคนอยากให้ท่านไปเป็นผู้ว่ากทม.

เล่นเอาคู่สนทนาผมหยุดชะงัก หันมาบอกว่า ยังๆๆๆ ผมยังอยากรับราชการต่อ นี่ยังเหลืออีก 6-7 ปี อย่างอื่นค่อยว่ากัน

ผู้นำถ้ำหลวง ยังเปรยแบบเขินๆ ด้วยว่า ต่อจากนี้จะไปไหนมาไหนคงลำบากแล้ว เพราะคนรู้จักจากข่าวนี้ เมื่อก่อนผมชอบไปหากาแฟข้างทางกิน ชอบเดินเล่นตลาด ขึ้นเครื่องบินก็ชั้นประหยัด สบายๆ เพราะไม่ค่อยมีใครรู้จักหรือรู้ว่าเป็นผู้ว่าฯ แต่หลังจากนี้คงไม่ใช่

ตำนานถ้ำหลวงสร้างหนังได้เลย 1 เรื่อง แต่ถ้าไม่มีคนทำ ผมอาจเขียนพ็อกเก็ตบุ๊คขึ้นมาสักเล่มก็ได้

วงสนทนาในค่ำวันนั้นยังมีอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย เกินกว่าโทรศัพท์เครื่องนี้จะพิมพ์ไหว ทุกอย่างจะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป ...

Rocket Man : Elon Musk In His Own Words ติดจรวดทางความคิด แบบ อีลอน มัสก์

มองการณ์ไกล แล้วฝ่าฟันไปให้ถึง ให้เหมือน "อีลอน มัสก์"
 
ราคาพิเศษ 161.10 บาท สั่งซื้อที่ SE-ED!!!

หนังสือ 
"Rocket Man : Elon Musk In His Own Words ติดจรวดทางความคิด แบบ อีลอน มัสก์" เล่มนี้ รวบรวมแนวคิดและตีแผ่ทัศนคติในการทำงานของ "อีลอน มัสก์" หนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ผ่านทางคำพูดของเขาเอง ที่ยกมาจากบทความในข่าว การแถลงในที่สาธารณะ บทสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ และอื่น ๆ อีกมากมาย 

    คำพูดต่าง ๆ ที่หยิบยกมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของอีลอน ที่เป็นทั้งผู้สร้างและผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้งธุรกิจมากมายอันส่งผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น SpaceX ธุรกิจด้านการอวกาศ Tesla ธุรกิจด้านรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจด้านการเงินอย่าง PayPal หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะสำหรับทุกคนที่มีความฝันและความปรารถนา ที่จะพัฒนาตนเองให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ผลักดันโลกใบนี้ให้เดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

ข้อมูลจาก http://sports4healthy.blogspot.com/2018/07/blog-post_16.html

No comments: