4/13/2011

ก่อเจดีย์ทรายวันสงกรานต์ คำพยากรณ์ 2554


ก่อเจดีย์ทรายวันสงกรานต์

มูลเหตุของการก่อเจดีย์ทราย มีเรื่องเล่าว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลได้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถีพร้อมบริวาร ได้เห็นหาดทรายขาวบริสุทธิ์ก็เกิดจิตศรัทธาก่อทรายเป็นเจดีย์ ๘ หมื่น ๔ พันองค์ แล้วอุทิศเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา เมื่อพระองค์ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าก็ได้ทูลถามถึงอานิสงส์การก่อเจดีย์ทรายดังกล่าว พระพุทธเจ้าตรัสว่า การที่มีจิตเลื่อมใสศรัทธาก่อเจดีย์ทรายถึง ๘ หมื่น ๔ พันองค์หรือเพียงองค์เดียวก็ได้อานิสงส์มาก คือ จะไม่ตกนรกหลายร้อยชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเพียบพร้อมไปด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ มีบริวารและเกียรติยศชื่อเสียง หากตายก็จะได้ขึ้นสวรรค์ พรั่งพร้อมด้วยสมบัติและมีนางฟ้าเป็นบริวาร ด้วยอานิสงส์ดังกล่าวจึงทำให้คนโบราณนิยมก่อเจดีย์ทรายเป็นประเพณีมาจนทุกวันนี้



แต่ก็มีคนโบราณบางท่านได้กล่าวไว้ว่า เวลาที่เราไปทำบุญที่วัด เราอาจจะเหยียบเอาทรายติดตัวกลับมาด้วย จึงต้องขนทรายกลับไปไว้ดังเดิม นี่อาจจะเป็นกุศโลบายของคนโบราณก็ได้ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงมาตามยุคสมัย แต่ต้นตำรับเดิมผมก็หาข้อมูลมาให้ท่านได้รู้แล้ว หรือบางท่านอาจจะรู้แล้วก็ได้ สงกรานต์ปีนี้อย่าพลาดการก่อเจดีย์ทรายสวยๆ เพื่อบูชาพระรัตนไตรด้วยนะครับ

จากประวัติที่เล่าสืบต่อกันมานั้น
มีปรากฎในศิลาจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามว่า เศรษฐีคนหนึ่ง ไม่มีบุตร บ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุรา ซึ่งมีบุตร 2 คน มีผิวเนื้อเหมือนทอง วันหนึ่งนักเลงสุรานั้นเข้าไปกล่าวคำหยาบคายต่อเศรษฐี เศรษฐีจึงถามว่าเหตุใดจึงมาหมิ่นประมาทต่อเราผู้มีสมบัติมากนักเลงสุราจึงตอบว่า ถึงท่านมีสมบัติก็ไม่มีบุตร ตายแล้วสมบัติก็จะสูญเปล่า เรามีบุตรเห็นว่าประเสริฐกว่า ท่านเศรษฐีมีความละอายใจจึงบวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งอธิษฐานขอบุตรถึงสามปีก็มิได้มีบุตรอยู่มาถึงวันนักขัตฤกษ์สงกรานต์ พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีจึงพาบริวารไปยังต้นไทรอันเป็นที่อยู่แห่งฝูงนกทั้งปวงริมฝั่งน้ำ จึงเอาข้าวสารล้างน้ำ 7 ครั้งแล้วหุงขึ้นบูชาพระไทรประโคมพิณพาทย์ตั้งอธิษฐานขอบุตร พระไทรมีความกรุณาจึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ พระอินทร์จึงให้ธรรมบาลเทวบุตรลงมาปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี เมื่อคลอดแล้วจึงให้ชื่อว่าธรรมบาลกุมาร ปลูกปราสาทเจ็ดชั้นให้อยู่ใต้ต้นไทรริมฝั่งน้ำนั้น กุมารเจริญขึ้น ก็รู้ภาษานกแล้วเรียนไตรเพทจบ เมื่ออายุได้เจ็ดขวบได้เป็นอาจารย์บอกมงคลการต่าง ๆ แก่มนุษย์ทั้งปวง ในขณะนั้นโลกทั้งหลายนับถือท้าวมหาพรหม และกบิลพรหม องค์หนึ่งว่า เป็นผู้แสดงมงคลแก่มนุษย์ทั้งปวง เมื่อกบิลพรหมทราบจึงลงมาถามปัญหาธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ สัญญา ไว้ว่าถ้าแก้ปัญหาได้จะตัดศีรษะบูชา ถ้าแก้ไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ปัญหานั้นว่า
ข้อ 1 เช้าราศีอยู่แห่งใด
ข้อ 2 เที่ยงราศีอยู่แห่งใด
ข้อ 3 ค่ำราศีอยู่แห่งใด

ธรรมบาลกุมาร ขอผลัด7วันเพื่อตอบปัญหาครั้นล่วงไปได้หกวันธรรมบาลกุมารก็ยังคิดไม่ได้จึงนึกว่า พรุ่งนี้จะตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม ไม่ต้องการจำจะหนีไปซุกซ่อนตายเสียดีกว่าจึงลงจากปราสาทไปนอนอยู่ใต้ต้นตาล 2 ต้น มีนกอินทรี 2 ตัว ผัวเมียทำรังอยู่บนต้นตาลนั้นครั้นเวลาค่ำนางนกอินทรีจึงถามสามีว่าพรุ่งนี้จะได้อาหารแห่งใดสามีบอกว่าจะกินศพ ธรรมบาลกุมารซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสียเพราะทายปัญหาไม่ออก



นางนกถามว่าปัญหานั้นอย่างไรสามีจึงบอกเล่าปัญหาให้เมียฟังนางนกถามว่าจะแก้อย่างไร
สามีบอกว่าเช้าราศีอยู่ที่หน้ามนุษย์จึงเอาน้ำล้างหน้า
เวลาเที่ยงราศีอยู่ที่อกมนุษย์ทั้งหลายจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก
เวลาค่ำราศีอยู่ที่เท้ามนุษย์ทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างเท้า
ธรรมบาลกุมารได้ยินดังนั้นก็กลับไปปราสาทวันรุ่งขึ้นท้าวกบิลพรหมถามปัญหาธรรมบาลกุมาร
ก็แก้ ตามที่ได้ยินมา ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกเทพธิดาทั้ง 7 อันเป็นบริจาริกาพระอินทร์มาพร้อมกันแล้ว
บอกว่าเราจะตัดศีรษะบูชาธรรมบาลกุมาร ศีรษะของเราถ้าตั้งไว้บนแผ่นดิน ไฟจะไหม้ทั่วโลก ถ้าทิ้งขึ้นบน
อากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าทิ้งในมหาสมุทรน้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้ง 7 นั้นเอาพานมารับศีรษะ แล้วก็ตัดศีรษะ
ส่งให้ธิดาองค์ใหญ่นางจึงเอาพานมารับพระเศียรบิดาไว้ แล้วแห่ทำประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที
แล้วก็เชิญประดิษฐานไว้ในมณฑปถ้ำคันธุรีเขาไกรลาศ บูชาด้วยเครื่องทิพย์ต่าง ๆ พระเวสสุกรรมก็นฤมิตร
แล้วด้วยแก้วเจ็ดประการ ชื่อภควดีให้เป็นที่ประชุมเทวดา เทวดาทั้งปวงก็นำเอาเถาฉมูลาดลงมาล้างในสระ
อโนดาตเจ็ดครั้งแล้ว แจกกันสังเวยทุก ๆองค์ ครั้นถึงครบกำหนด 365 วันโลกสมมุติว่าปีหนึ่งเป็นสงกรานต์
นางเทพธิดาเจ็ดองค์จึงผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมออกแห่ประทักษิณเขาพระสุเมรุทุกปี
ธิดาทั้ง 7 ของท้าวกบิลพรหม ซึ่งเราสมมุติเรียกว่านางสงกรานต์นั้น เมื่อนั้น นางเทพธิดาทั้ง 7 นาง จะผลัดเวรกันมารับหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมผู้เป็นบิดา ซึ่งประดิษฐานอยู่ในถ้ำคันธชุลี ณ เขาไกรลาส ออกไปแห่พร้อมทวยเทพเวียนรอบเขาพระสุเมรุ ผ่านโลกมนุษย์ เพื่ออำนวยความเป็นสิริมงคลแก่คนทั้งหลาย แล้วจึงวกกลับไปยังเทวโลก อัญเชิญพระเศียรไปไว้ที่เดิม จนกว่าจะถึงวันมหาสงกรานต์ปีถัดไป

ซึ่งเทพธิดาที่ว่านี้จะมาในวันมหาสงกรานต์ดังกล่าว ผู้คนทั่วไปจึงเรียกว่า "นางสงกรานต์" โดยแต่ละนางจะมีชื่อเรียก ภักษาหาร อาวุธ และสัตว์ที่เป็นพาหนะแตกต่างกันตามแต่ละวัน



นอกจากในตำนานที่ว่านี้แล้ว อีกแห่งที่ปรากฏชื่อนางสงกรานต์คือ ใน "ประกาศสงกรานต์" ซึ่งสมัยก่อนถือเป็นประกาศพระราชกฤษฎีกาเรื่องหนึ่ง ที่ราชการจะต้องประกาศให้ราษฎรในอาณาเขตได้ทราบเมื่อจะเปลี่ยนปีนักษัตรศักราชใหม่

ทั้งนี้ เพราะในสมัยโบราณไม่มีสื่อหรือกรมอุตุนิยมวิทยาเหมือนสมัยนี้ จึงต้องใช้ประกาศสงกรานต์ในการแจ้งให้ประชาชนได้ทราบถึงสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต เช่น การแจ้งเกณฑ์น้ำฝนและน้ำท่าที่จำเป็นต่อการเกษตร การแจ้งกำหนดพระราชพิธีต่างๆ อาทิ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ การแจ้งกำหนดศาสนพิธีประจำปี เป็นต้น

ในปัจจุบันประกาศสงกรานต์ แต่ละปีนอกจากจะพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือราชกิจจานุเบกษาแล้ว ยังพบได้ในปฏิทินหลวงพระราชทาน เนื่องในวันปีใหม่ของทุกปีด้วย นางสงกรานต์มีชื่อต่าง ๆ ดังนี้ คือ
- ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันอาทิตย์ นางสงกรานต์มีชื่อว่า ทุงษ
- ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันจันทร์ นางสงกรานต์มีชื่อว่า โคราด
- ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันอังคาร นางสงกรานต์มีชื่อว่า รากษส
- ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันพุธ นางสงกรานต์มีชื่อว่า มัณฑา
- ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันพฤหัสบดี นางสงกรานต์มีชื่อว่า กิริณี
- ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันศุกร์ นางสงกรานต์มีชื่อว่า กิมิทา
- ถ้าปีใดวันสงกรานต์ ตรงกับวันเสาร์ นางสงกรานต์มีชื่อว่า มโหทร

ประกาศสงกรานต์จุลศักราช ๑๓๗๓
พุทธศักราช ๒๕๕๔

ปีเถาะ ตรีศก จันทรคติเป็นปกติมาส ปกติวาร สุริยคติเป็นปกติสุรทิน

วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ เมษายน เวลา ๑๓ นาฬิกา ๓๓ นาที ๓๖ วินาที
ตรงกับเวลา ๑๓ นาฬิกา ๕๑ นาที ๓๖ วินาที (เวลามาตรฐานประเทศไทย) *

นางสงกรานต์นามว่า กาฬกิณีเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา
หัตถ์ขวาทรงขอช้าง หัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จนั่งมาเหนือหลังกุญชร(ช้าง)เป็นพาหนะ

เกณฑ์พิรุณศาสตร์ปีนี้ พุธ เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก ๖๐๐ ห่า
ตกในเขาจักรวาล ๒๔๐ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๑๘๐ ห่า ตกในมหาสมุทร ๑๒๐ ห่า ตกในโลกมนุษย์ ๖๐ ห่า
เกณฑ์นาคราชให้น้ำปีเถาะ นาคราชให้น้ำ ๒ ตัว ทำนายว่า ฝนต้นปีน้อย กลางปีงาม และปลายปีอุดมดีแล
เกณฑ์ธัญญาหารชื่อ ลาภะ ข้าวกล้าในนา จะได้ ๑๐ ส่วน เสียเพียงส่วนเดียว ธัญญาหาร มังสาหารบริบูรณ์ ประชาชนทั้งหลายจะอยู่เย็นเป็นสุข

วันเถลิงศกตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๖ เมษายน เวลา ๑๗ นาฬิกา ๓๑ นาที ๑๒ วินาที
ตรงกับเวลา ๑๗ นาฬิกา ๔๙ นาที ๑๒ วินาที (เวลามาตรฐานประเทศไทย) *



จากประกาศสงกรานต์สู่คำทำนาย

จากประกาศสงกรานต์ปี 2554 ข้างต้น นางสงกรานต์เสด็จนั่งมาบนหลังช้าง และวันมหาสงกรานต์ตรงกับวันพฤหัสบดี วันเนาตรงกับวันศุกร์ และวันเถลิงศกตรงกับวันเสาร์ รวมคำทำนายแล้วมีว่า จะเกิดความเจ็บไข้ ผู้คนล้มตาย และเกิดเหตุเภทภัยต่างๆ

นอกจากนี้ผู้น้อยจะแพ้ผู้เป็นใหญ่และเจ้านาย พริกจะแพง แร้งกาจะเป็นโรค สัตว์ป่าจะเป็นอันตราย แต่แม่หม้ายจะมีลาภ และบรรดาทหารทั้งปวงจะมีชัยชนะแก่ข้าศึกศัตรู ส่วนคำทำนายของล้านนาบอกว่า ปีนี้ฝนจะตกเสมอต้นเสมอปลายชอบตามฤดูกาล ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่จักมีอันตราย ช้างม้าวัวควายจักตายมากนัก ไพร่ราษฎรจักอยู่ดีมีสุข ขุนใหญ่ ปุโรหิต พระสงฆ์จักเป็นทุกข์ คนเกิดวันศุกร์มีเคราะห์ คนเกิดวันอาทิตย์มีโชค

อ่านดูแล้ว แม้จะค่อนข้างออกแนวร้ายมากกว่าดี แต่การที่นางสงกรานต์นั่งมาบนหลังช้าง ซึ่งถือเป็นสัตว์ใหญ่ที่เป็นมงคล เป็นสัญลักษณ์ของบ้านเรา และยังทัดดอกมณฑา ซึ่งคนไทยโบราณเชื่อว่าเป็นดอกไม้ทิพย์อยู่บนสวรรค์ และมีความศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เกิดความงดงาม ชวนมอง

เมื่อรวมกับภักษาหารของนางสงกรานต์ที่เป็นถั่วงา และประกาศสงกรานต์ที่ว่าเกณฑ์ธัญญาหาร ผลาหาร และมัจฉมังษาหาร จะมีบริบูรณ์ ก็น่าจะเป็นความหวังและกำลังใจแก่พวกเราได้ว่าพญาคชสารตัวนี้คงจะช่วยขับไล่สิ่งร้ายๆ ให้ออกไป และนางกิริณีเทวีจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหาร

ส่วนคำทำนายที่ว่าทหารจะมีชัยชนะแก่ข้าศึกศัตรู ก็น่าจะแสดงถึงความสงบสุขของบ้านเมืองในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ร้าย ก็จะเป็นสิ่งเตือนให้เราได้ระมัดระวัง ไม่ประมาท และรู้จักที่จะหาหนทางป้องกันไว้ล่วงหน้า

ข้อสำคัญ ไม่ว่าจะมีเหตุดีหรือเหตุร้ายเกิดขึ้น หากเราทุกคนดำรงชีวิตอย่าง มีสติอยู่เสมอ ย่อมจะต้องทำให้เราผ่านพ้นทุกวิกฤตไปได้อย่างแน่นอน


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:
หนังสือพิมพ์มติชน,http://www.myhora.com, atcloud.com, http://www.khaosod.co.th และ

แนะนำ โรงแรมดีๆ ของจังหวัดเชียงใหม่
แนะนำ โรงแรมดีๆ ของจังหวัดเชียงราย
แนะนำ โรงแรมดีๆ ของกรุงเทพ
แนะนำ โรงแรมดีๆ ของจังหวัดภูเก็ต
แนะนำ โรงแรมดีๆ ของภาคเหนือและภาคกลาง

เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ปาย น่าน สุโขทัย - บริการเที่ยวทั่วไทย แท็กซี่ จัดทัวร์ พร้อมทั้งให้คำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก จองที่พัก

ติดต่อ เพ็ญนภา (แก้ว) 081 498 0613
อีเมล์: neomart@gmail.com

No comments: