10/20/2011

มาอ่านหนังสือเรื่องพ่อรวยสอนลูก กันเถอะ

มาอ่านหนังสือเรื่องพ่อรวยสอนลูก กันเถอะ


หนังสือเรื่อง ..... พ่อรวยสอนลูก
เขียนโดย ..... Robert T. Kiyosaki , Sharon L.Lechter C.P.A. [ ฉบับของต่างประเทศ ]
เขียนโดย ..... "ดร.เป้ง" หรือ "สุวรรณ วลัยเสถียร" [ ฉบับของคนไทย ]
แปลโดย ..... นันทวัน รุจิวงศ์

เนื้อหา ..... เป็นหนังสือที่ให้แนวคิดในการสร้างตัว สร้างชีวิต เพื่อนำพาชีวิตให้หลุดพ้นไปจากสิ่งที่ผู้เขียนเรียกว่า "สนามแข่งหนู" เพื่อไปยังเส้นทางด่วนที่นำไปสู่ความมั่งคั่งและนำไปสู่อิสรภาพทางการเงิน ซึ่งให้ทั้งคำสอนและคำแนะนำเกี่ยวกับความรู้เรื่องการเงิน ซึ่งไม่เคยมีใครสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนแม้กระทั่งในโรงเรียน คนส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องการเงิน ซึ่งเป็นเพราะโรงเรียนไม่เคยสอนวิชาการเงิน

ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ..... คนส่วนใหญ่จะทำงานเพื่อเงิน และไม่เคยรู้วิธีใช้เงินทำงานแทนเรา หนังสือเล่มนี้จะแสดงให้เห็นว่า การทำงานเพื่อเงินเดือนสูง ไม่ช่วยให้ร่ำรวยได้ "บ้าน" ไม่ใช่ทรัพย์สินอย่างที่คนส่วนใหญ่คิดกัน แต่มันคือหนี้สินต่างหาก

โรงเรียน ..... ไม่เคยสอนเรื่องการเงินให้เด็กเลย ... ความแตกต่างของคำว่า "ทรัพย์สิน" และ "หนี้สิน" ... วิธีสอนลูกเรื่องการเงินและวิธีประสบความสำเร็จทางการเงินแม้ว่าการเรียนแบบเก่าๆ จะยังมีความสำคัญ แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับโลกปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้จึงให้ความรู้เรื่องการเงินและวิธีใช้เงินที่ดีที่สุด

หนังสือเรื่องนี้ ..... ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะพ่อฝรั่งสอนให้ลูกรู้จัก "เส้นทางด่วน" ที่นำไปสู่ความมั่งคั่งและนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างรวดเร็ว

แต่ ..... บางคนคอมเมนต์ว่า พ่อฝรั่ง สอนให้ลูกโกงมากกว่าสอนให้ลูกเป็นคนรวยที่มีความสุข ในขณะที่พ่อผู้ยิ่งใหญ่หลายคนของเมืองไทย กำลังปวดหัวกับลูกนักเลงที่ยิงหัวคนเล่นในผับ หรือขี่รถเบนซ์คะนองเมืองจนเกิดเรื่องเกิดราว หรือไม่ก็พวกลูกคนรวยที่ใช้เวลาและเงินทองของพ่อแม่เอาไปมั่วดารานักร้องหมดไปวันๆ

แต่ ..... พ่อรวยระดับร้อยล้าน เช่น "ดร.เป้ง" หรือ "สุวรรณ วลัยเสถียร" อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่เพียงแต่สอนให้ลูกรวยสินทรัพย์เท่านั้นแต่เขายังสอนให้ลูกร่ำรวยความสุข ร่ำรวย สุขภาพจิตอีกด้วย นี่คือ เคล็ด (ไม่) ลับ เรื่อง พ่อรวยสอนลูก ที่ ดร.เป้งตั้งใจเขียนให้คนเป็นพ่อและคนเป็นลูกอ่านล่าสุด หนังสือชุดดังกล่าวพิมพ์แจกจนนับครั้งไม่ถ้วน เพราะใครอ่านก็ชอบ ใครอ่านก็มีความสุข

ดร.เป้งเล่าว่า ..... ช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ครอบครัวไทยล่มสลาย เพราะแต่ละครอบครัวใช้เงิน กันเกินตัว กู้เงินกันมากเกินไป เอาเงินในอนาคตมาใช้เสียหมด พอถึงเวลาภัยพิบัติมา ครอบครัวจำนวนมากจึงล้มกันระเนระนาด

"ผมไม่ได้เขียนให้ลูกผมอ่าน เพราะลูกผมโตหมดแล้ว แต่ผมเขียนให้ครอบครัวไทยอ่านต่างหาก" ดร.เป้งกล่าว

ดร.เป้งเล่าว่า ..... ถ้าหากแต่ละครอบครัวการเงินแข็งแรงมวลรวมของชาติก็จะแข็งแรง ฉะนั้นเคล็ดลับของ "พ่อรวยสอนลูก" ก็คือ ให้ทุกคนบริหารเงินของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน พยายามไม่ให้เสียเงินต้น หรือพยายามหักภาษีให้ได้มากที่สุด หรืออย่าทำประกันจนเกินสมควร (never over-insure )

"ผมเป็นลูกคนจีน คิดอะไรเป็นเซ็งลี้ไปหมด แล้วผมก็รักตลาดเงินตลาดทุนเป็นชีวิตจิตใจ ผมเชื่อว่าสิ่ง ที่ผมรักสามารถสร้างฐานะความเป็นปึกแผ่นได้รวดเร็ว แต่หลังๆ มานี้ ผมโฟกัสเรื่องการออมเงิน การบริหารเงินในครอบครัวมากกว่า"

"คุณแม่ผมเคยสอนผมว่า เราจะรวยหรือจนมันก็เรื่องของเรา เขาจะรวยหรือจนก็เรื่องของเขา ไม่ใช่ว่าเราการเงินไม่ดี เขาฐานะดี เขาขับรถเบนซ์ เราก็สู้กู้หนี้ยืมสินไปซื้อรถเบนซ์มาให้ลูกของเรา ทำอย่างนี้ไม่ถูก มันเกินฐานะเรา" อดีตรัฐมนตรีผู้ร่ำรวยกว่าห้าร้อยล้านกล่าว

เคล็ดลับที่ ดร.สุวรรณ สอน ..... พ่อที่อยากให้ลูกรวยมีหลายประการ เช่นเรื่องโรงเรียนของลูก ไม่จำเป็นต้องส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ เพราะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุทุกวันนี้การส่งลูกไปเรียนนอกต้องจ่าย ปีละล้านบาท แต่ให้ลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติจ่ายแค่ปีละ 3 แสนบาท แถมลูกยังมีเพื่อนมากและได้ ใกล้ชิดพ่อแม่

"เงินก้อนเพื่อส่งลูกเรียนนอก อาจสูงถึง 20 ล้านบาท ถ้าลูกจบปริญญาตรี แต่ถ้าลูกเรียนเมืองไทย เงินก้อนนี้ก็ไม่ต้องใช้ เมื่อลูกเรียนจบ เงิน 20 ล้านคือเงินเริ่มต้นธุรกิจของลูก โดยไม่ต้องไปกู้ยืมจาก ธนาคาร"

ส่วนเรื่อง ..... การงานของลูก ดร.เป้ง สอนให้ลูกหลีกเลี่ยงการเป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะการทำงานกินเงินเดือนเสียภาษีมาก ควรส่งเสริมให้ลูกเป็นผู้ประกอบการจะรวยเร็วกว่า

"ลูกผมอายุ 23 ปี วันนี้เขาลงทุนกับบริษัทสิงคโปร์เพื่อส่งออกปลาสวยงาม ทำงานสัปดาห์ละ 7 วัน บางวันต้องทำงานดึกๆ ถึงตี 2 ตี 3 เพื่อส่งปลาไปสนามบินดอนเมืองในตอนเช้า วันนี้เขามีเงินเดือนหลายหมื่น ลูกผมเขาหวังว่าสักวันจะนำบริษัทปลาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อทำให้มูลค่า ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ"

เรื่องต่อมาคือ ..... การลงทุนอย่างฉลาดในลงทุนซื้อบ้านเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ควรซื้อให้เกินกำลังที่คุณจะซื้อได้ เพราะเมื่อคุณทำงานไปเรื่อยๆ เงินเดือนคุณจะเพิ่มขึ้นไป เมื่อคุณซื้อเกินกำลัง นั่นแสดงว่าคุณซื้อบ้านได้ค่อนข้างดี เมื่อเงินเดือนคุณเพิ่มไปเรื่อยๆ อีกไม่กี่ปีก็เป็นการผ่อนจ่ายตามกำลัง พอผ่านไปอีกก็เป็นการผ่อนจ่ายอย่างสบาย เพราะว่าดอกเบี้ยต่ำมาก ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซื้อบ้านราคา 10 ล้านบาท โอกาสที่บ้านจะขึ้นราคาเป็น 20 ล้าน หรือ 30 ล้านย่อมเป็นไปได้ แต่ถ้าคุณซื้อบ้าน 1 ล้านจะให้ราคาขึ้นเป็น 10 ล้านเป็นเรื่องยาก ฉะนั้นควรซื้อบ้านในราคาที่เกินกำลังเอาไว้

ข้อดี ..... ประการต่อมาคือ บ้านเป็นทรัพย์สินอย่างเดียวที่คุณใช้ฟรี และใช้ไปราคายิ่งดีขึ้น นอกจากนี้ ดอกเบี้ยที่จ่ายยังหักภาษีได้ปีละ 50,000 บาท ดีกว่าซื้อรถยนต์ราคาแพงหลายเท่า เพราะรถยนต์คุณไปผ่อนดอกเบี้ยหักไม่ได้ มีค่าเสื่อมราคา คุณซื้อรถเบนซ์ 2 ล้านอีกไม่กี่ปีก็ขายได้ 800,000 บาท

ถ้า ..... คุณซื้อบ้าน 3 ล้าน ต่อไปอาจจะขายได้ 5 ล้านก็ได้ แล้วเดี๋ยวนี้กฎหมายพิเศษ ยกเว้น บ้านมือสองขายไม่ต้องเสียภาษีอีก ถ้าคุณเอาเงินไปซื้อบ้านหลังใหม่ภายในปี ต่อมา"บ้านของผมในซอยสุขุมวิท 8 ซื้อมา 5 ล้าน ผมอยู่ฟรีมา 20 ปี ผมไม่ต้องไปเสียค่าเช่า ตอนนี้อย่างน้อยทั้งบ้าน ทั้งที่ดิน ราคาไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท" ยอดคุณพ่อวัย 57 ปี น้ำหนัก 66 กิโลกรัมกล่าว

บ้านหลังนี้ ..... อยู่ใจกลางเมือง ร่มครึ้มเพราะต้นไม้ มีกระรอกวิ่ง เดินออกไปก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่ต้องใส่สูท ไม่ต้องเจอรถติด และไม่ต้องเปลืองค่าน้ำมัน สบายไปแปดอย่าง

จากเรื่องบ้าน ..... ก็มาสู่เรื่องการประกัน ข้อแนะนำของ ดร.เป้งก็คือ อย่าทำประกันชีวิตจนเกินสมควร หลายคนฟังคนขายประกันแล้วรู้สึกเกรงกลัวว่าชีวิตมีความเสี่ยงมาก จึงซื้อประกันเกินความจำเป็น แต่อย่าลืมว่า ถ้าคุณจ่ายเบี้ยประกันเป็นรายปี หากปีใดคุณไม่เจ็บป่วย เบี้ยประกันย่อมสูญเปล่า ดังนั้นจง ประกันแต่เพียงพอ

เช่นเดียวกับ ..... ประกันรถยนต์ ครอบครัวของ ดร.สุวรรณ ประกันรถยนต์ชั้น 3ทุกคัน

"ผมไม่เคยประกันชั้น 1 เลย ชั้นหนึ่งประกัน 30,000 บาท ชั้น 3 ประกัน 3,000 บาท อย่างบ้านของผมรถยนต์ 5-6 คันก็ประหยัดปีหนึ่งเป็นแสนๆ แล้ว" เพราะตามทฤษฎีประกันภัยแล้ว เขาบอกว่า ถ้ารถคันไหน ปีหนึ่งวิ่งไม่เกิน 30,000 กิโลเมตร ประกันชั้น 3 เพราะว่า ความเสี่ยงมันน้อย ถ้าคุณเป็นพนักงานขาย ขับรถเดือนละ 8,000 กิโลเมตร ให้ ประกันชั้นหนึ่งไปเลย

จากนั้น ..... ลูกที่อยากรวย ควรเรียนรู้ เรื่องการสร้างครอบครัว โดยมีข้อแนะนำคือ ลูกต้องยึดหลัก "ผัวเดียวเมียเดียว" หากครอบครัวใดมีภรรยาหลายคน มีลูกเกิดจากหลายแม่ เด็กๆ จะแก่งแย่งกัน และ ไม่รักปรองดองเหมือนกับมีแม่เดียว และจะแข่งกันใช้เงิน อันเป็นการผลาญทรัพย์สมบัติของครอบครัว

ส่วน ..... การบริหารเงินออมในครอบครัว สามีภรรยาจะต้องร่วมกันออมทรัพย์ หากคนใดคนหนึ่งเป็นคนใช้ จ่ายฟุ่มเฟือยแล้ว ฝ่ายที่หาเงินย่อมเหนื่อยใจ หรือเงินออมจะไม่โตเร็วเท่าที่ควร

"ผมโชคดีที่ได้ภรรยาเป็นผู้ทำงานหาเงินและรู้จักประหยัด 20 ปีที่แล้ว ตอนที่แต่งงานกันเรามีเงินรวมกัน แค่ 2 แสนบาท แต่เดี๋ยวนี้เรามีสมบัติมากกว่าที่หลายๆ ครอบครัวเขามีกัน" จากการเปิดบัญชีทรัพย์สิน ดร.สุวรรณและคู่สมรสที่ชื่อ คุณดวงใจ เมื่อวันที่พ้นตำแหน่งรัฐมนตรี (ตุลาคม 2545) พบว่า ดร.เป้ง มีทรัพย์สินมากกว่า 554.9 ล้านบาท ส่วนคุณดวงใจมีทรัพย์สินมากว่า 143.9 ล้านบาท

อย่างนี้ซิ ! ..... ถึงจะเรียกว่า พ่อร้อยล้านสอนนอกจากคำสอนของยอดคุณพ่อแล้ว ลูกๆ ของ ดร.เป้งและคุณดวงใจ ยังมีมรดกกองโตเฉียด 700 ล้านนอนรออยู่ในตู้เซฟ เรียบร้อยแล้ว

..................................................
นำเสนอโดย ..... AC 104 และ น้ำตาล

http://www.oknation.net

No comments: