5/11/2012

ยีนส์เปรี้ยวจื๊ด เพนท์ลายใส่ไอเดียแรง Made in Thailand


‘ปิยชาติ’ ยีนส์เปรี้ยวจื๊ด เพนท์ลายใส่ไอเดียแรง0


ลำพังขายกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ คงไร้จุดเด่นจะไปต่อกรกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ แนวคิดนี้ จุดประกายให้คนรุ่นใหม่หัวใจศิลป์อย่าง “นพดล สูบเด็ง” โชว์ฝีมือเพนท์ลวดลายสัตว์ป่านานาชนิด ลงบนกางเกงยีนส์
 กลายเป็นสินค้าโดดเด่นเปี่ยมด้วยสีสัน ขนาดที่ว่า ใครก็ตามพบเห็นต้องเหลียวมอง ช่วยให้สามารถยืนหยัด แข่งขันในตลาดได้
เจ้าของแบรนด์ “ปิยชาติ” กางเกงยีนส์เพนท์ลาย อย่าง นพดล สูบเด็ง เล่าจุดเริ่มต้นว่า หลังเรียนจบด้านศิลปะจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มุ่งทำธุรกิจส่วนตัวทันที โดยสนใจเกี่ยวกับงานแฟชั่น จึงทดลองนำกางเกงยีนต์มาเพนท์ลายต่างๆ ผลงานที่ออกมา นอกจากสวยแปลกตาแล้ว ยังสร้างความประทับแก่ผู้พบเห็น ทำให้มั่นใจจะขายสู่ตลาด
piyachat01
เจ้าของไอเดีย ระบุว่า เน้น เพนท์เป็นภาพสัตว์ป่าเหมือนจริง เพราะภาพลักษณะนี้ จะโชว์ฝีมือของช่างวาดได้ชัดเจนกว่าภาพแนวการ์ตูน รวมถึง การเพนท์ลายยากๆ มีรายละเอียดมาก ใครที่คิดจะลอกเลียนแบบคงไม่ใช่เรื่องง่าย
ด้วยเงินหลักหมื่น นพดลใช้เป็นทุนเริ่มต้นธุรกิจ ทั้งซื้อกางเกงยีนส์มาเพนท์ลวดลายต่างๆ และเปิดร้านขายในตลาดนัดสวนจตุจักร ใช้ชื่อร้านและแบรนด์ว่า “ปิยชาติ” เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว
piyachat02
“ก่อนที่จะทำขาย ก็มีเสียงคัดค้านจากเพื่อนๆ หลายคน เพราะลายมันค่อนข้างแรง กลัวว่า คนทั่วไปจะรับไม่ได้ แต่ผมก็มั่นใจว่า น่าจะมีกลุ่มคนที่ชอบงานที่ไม่เหมือนใคร เมื่อเปิดร้านก็มีลูกค้าให้ความสนใจอย่างมาก จนหลังจากเปิดร้านได้ประมาณ 4 เดือน ก็มีลูกค้าต่างประเทศ มาสั่งออเดอร์หลักแสนบาท ทำให้ธุรกิจแจ้งเกิดได้” นพดล กล่าว
สำหรับสีที่ใช้ เพนท์ลาย กับน้ำยาเคลือบนำเข้าจากประเทศอังกฤษ มีคุณสมบัติเด่น ภาพจะติดแน่นคงทน เรียบเนียบ ไม่เกิดปัญหาสีซีด หลุดร่วง หรือแตกลายงา ถ้าซักด้วยมือ อายุจะยาวนานนับ 10 ปี นอกจากนั้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่ลูกค้า จัดบริการหลังการขาย ถ้าสีเกิดหลุด ลอก หรือแตก ยินยอมซ่อมฟรีตลอดชีพ
piyachat03
เนื่องจากเป็นงานแฮนด์เมด กางเกงยีนส์ “ปิยชาติ” ราคาค่อนข้างสูง เริ่มต้นที่ตัวละ 3,000 บาท ถึงสูงสุด 12,000 บาท ลูกค้ามีทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติอย่างละครึ่ง โดยตลาดภายใน มีหน้าร้านที่ เจเจ มอลล์ ชั้น G ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นขาประจำที่มีศักยภาพในการซื้อสูง และมีรสนิยมการแต่งกาย ไม่ต้องการซ้ำกับใคร ส่วนตลาดส่งออก เน้นตลาดยุโรป และอเมริกา โดยเฉลี่ยยอดขายประมาณ 40 ตัวต่อเดือน
นับแต่เริ่มต้นธุรกิจถึงปัจจุบัน นพดลเผยว่า มีแบบที่สร้างสรรค์ขึ้นรวมแล้วมากกว่าพันแบบ เช่น เสือ ช้าง หมา แมว นก จระเข้ ฯลฯ โดยแบบยอดนิยมที่สุด คือ ลายงูเลื้อยไปมาบนขากางเกง ซึ่งแรงบันดาลใจในการคิดแบบนั้น อาศัยดูเทรนด์แฟชั่นทั้งสี และลวดลายต่างๆ ตามนิตยสารต่างประเทศ หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต รวมถึง นำคำแนะนำของลูกค้าต่างชาติมาประกอบด้วย
piyachat04
ในส่วนของกางเกงยีนต์นั้น จะออกแบบเองเช่นกัน พยายามเน้นแบบเรียบง่ายที่สุด เพื่อเว้นพื้นที่ว่างไว้สำหรับโชว์รูปเพนท์
ด้านการผลิต กางเกงยีนต์ว่าจ้างโรงงานผลิตเสื้อผ้ามาตรฐานส่งออก ส่วนการเพนท์ลายมีทีมงาน รับผิดชอบ 6 คน ซึ่งล้วนแต่จบปริญญาตรีด้านศิลปะทั้งสิ้น
อีก สิ่งที่กางเกงยีนส์ยี่ห้อนี้แตกต่างจากสินค้าท้องตลาด คือ ผู้ซื้อต้องรอสินค้า ประมาณ 2 เดือน เหตุผลเพราะเป็นงานแฮนด์เมด ดังนั้น จะไม่มีการทำเก็บเป็นสต๊อกไว้รอขาย แต่ละตัวจะมีต้นแบบเพียงตัวเดียวเท่านั้น
“ถ้าเราจะทำหลายๆ ขนาดให้ลูกค้ามาเลือก ต้นทุนจะสูงมากๆ เพราะแต่ละตัวเป็นแฮนด์เมด ดังนั้น เราต้องชี้แจงกับลูกค้าว่า ต้องรอประมาณ 2 อาทิตย์ เพื่อจะทำกางเกงยีนส์ให้สำหรับคุณโดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นกางเกงตัวเดียวในโลกด้วย ซึ่งเหตุผลนี้ ลูกค้ายอมรับ และเข้าใจได้” นพดล เผย
piyachat05
แง่ปัญหาธุรกิจนั้น เจ้าของธุรกิจ ชี้ไปที่หลังสินค้าเริ่มได้การตอบรับดี ทำให้ผู้ผลิตหลายรายลอกเลียนแบบ แล้วขายตัดราคา อย่างไรก็ตาม ด้านคุณภาพทั้งฝีมือการเพนท์ กับคุณภาพของสีและน้ำยาเคลือบที่ใช้ยังห่างไกลกัน ทำให้ลูกค้าส่วนหนึ่งที่ไปซื้อสินค้าเลียนแบบ สุดท้ายก็กลับมาใช้บริการกางเกงยีนส์ “ปิยชาติ” อีกครั้ง
เนื่องจากเวลานี้ เศรษฐกิจทั้งในประเทศ และตลาดส่งออกหลัก คือ อเมริกา และยุโรป เกิดภาวะชะลอตัว ทว่า ยังไม่กระทบกับธุรกิจโดยตรง เนื่องจากเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งมีฐานลูกค้าขาประจำค่อนข้างแน่นนอน
อย่างไรก็ตาม นพดล ระบุว่า เตรียมรับมือไว้แล้วเช่นกัน โดยผลิตสินค้าประเภทอื่นๆ เพิ่มรายได้ และเป็นทางเลือกใหม่ให้ลูกค้า ไม่จำกัดแค่กางเกงยีนต์เท่านั้น เช่น กระเป๋า เสื้อ หมวก รองเท้า เป็นต้น ทุกแบบยังคงเอกลักษณ์เพนท์ลายสัตว์ไว้เช่นเดิม ส่วนการหาตลาดใหม่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมส่งเสริมการส่งออก เพื่อประหยัดต้นทุน และเน้นความสำคัญกับการคงคุณภาพสินค้าและบริการ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ให้ได้
**************************
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์

No comments: