ชวนสวดมนต์ข้ามปี
วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2554 เวลา 00:00 น.
1 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าประเทศไทยได้บอบช้ำกับปัญหาอันเลวร้ายมามาก ทั้งการแตกแยกความสามัคคี ขาดความปรองดอง และเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันมาหลากหลายเหตุการณ์ จนล่าสุด มหาอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ ที่เกิดความเสียหายไปเป็นวงกว้าง ทำให้หลายคนต้องไร้บ้าน เกิดความทุกข์ทั้งร่างกายและจิตใจ
กำลังใจถือเป็นแรงกระตุ้นและช่วยยึดเหนี่ยวด้านจิตใจที่ดีที่สุดให้ คนไทย ได้ข้ามผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปได้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ใกล้ถึง เทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ทุกคนรอคอย…
กิจกรรมในปีใหม่ที่คนไทยนิยมปฏิบัติสืบต่อกันมา คือ เข้าวัด ฟังเทศน์ ฟังธรรม การทำบุญตักบาตร และขอพรจากผู้ใหญ่ เพื่อนำหลักคำสอนของพระสงฆ์หรือบิดามารดา ไปปรับใช้และเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชน ที่เชื่อกันว่าหากมีโอกาสได้สวดมนต์ต้อนรับปีใหม่จะเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
การสวดมนต์เป็นมงคลหนึ่งในชีวิต ช่วยสร้างจิตให้เกิดกุศลจนก่อให้เกิดเป็นความสุข เป็นการช่วยสร้างพลังอำนาจทางจิตใจให้มีสติ สมาธิ ปัญญา และพินิจพิเคราะห์ถึงสิ่งต่าง ๆ เมื่อความคิดนิ่งจะทำให้เราได้อยู่กับตนเองมาก และซึมซับเอาหลักคำสอนในบทสวดมนต์ไปปรับใช้และเปลี่ยนแปลงตนเองในทางที่ดีขึ้น
ประโยคข้างต้นทั้งหมด ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ประธานคณะกรรมการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี 2554-2555 ปรารภไว้ในหนังสือ “สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี” ซึ่งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนกว่า 30 องค์กรร่วมกันจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ที่สนามหลวง
ขณะที่ พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ได้บอกบุญเชื้อเชิญคนไทยเข้าร่วม “โครงการสวดมนต์ข้ามปี : ทำความดีถวายในหลวง” ในวันที่ 31 ธ.ค. 2554 – 1 ม.ค. 2555 ตั้งแต่เวลา 20.00 – 02.00 น. ซึ่งมีวัดศูนย์กลางใน 4 ภูมิภาค
ส่วนกลางจะประกอบพิธี ณ พระอุโบสถวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ภาคเหนือ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จ.เชียงใหม่ ภาคอีสาน วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารจ.นครพนม และภาคใต้ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จ.สุราษฎร์ธานี โดย มส. ได้คัดเลือกบทสวดมนต์พระปริตร ที่มีความสำคัญใน 3 เรื่องหลัก คือ 1. ช่วยป้องกันภัยพิบัติ 2. เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง และ 3. เพื่อกำจัดทุกข์โศกโรคภัยต่าง ๆ
นอกจากจะเป็นการทำจิตให้บริสุทธิ์เพื่อต้อนรับปีมะโรงแล้ว ยังจะได้ร่วมกันถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ และเป็นการฉลองปีพุทธชยันตีครบ 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า อีกด้วย สะดวกที่ไหนก็เชิญที่นั่น ไม่สะดวกสวดมนต์ที่บ้านก็ได้เช่นกัน
เมื่อคนเรามีจิตใจมั่นคง มีสติสัมปชัญญะ จะได้ตั้งรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะผ่านเข้ามาได้อย่างไม่ตื่นตระหนก ไม่ว่าจะเป็นคำทำนายเรื่องเขื่อนแตกของ “เด็กชายปลาบู่” หรือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ที่หมอดูคนดังทั้งหลายทายทักเอาไว้ หรือแม้กระทั่งคำทำนายของ “ชนเผ่ามายา” ที่ฮือฮากันค่อนโลกว่า ดาวโลกดวงนี้จะถึงกาลแตกดับในปีหน้านี้
ก่อนจะก้าวข้ามปีเก่า อย่าลืมทบทวนตัวเอง คนรอบข้าง เหตุการณ์ทั้งร้ายและดีต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาในปีเถาะ เพื่อปรับปรุงให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปในปีหน้า
ที่สำคัญอย่าได้ละทิ้ง “จิตอาสา” ที่เป็นพลังเยียวยาสังคมไทยในช่วงที่เกิดมหาอุทกภัย
เพราะทุกคนคือ “ผู้ชนะ” มิใช่แค่ในสายตาของคนไทย ขนาดคนทั่วโลกยังอดทึ่งไม่ได้
แต่เราจะแปรเปลี่ยนจิตอาสามาเป็นพลังพัฒนาสังคมไทยอย่างไร เป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่ฝากให้ทุกคนช่วยหาคำตอบในปี 2555 ที่เราหวังให้เป็น “สองฮ่าฮ่าฮ่า” มากกว่า “สองห้าห้าห้า”...
ก่อนจะอำลาปีเก่าไป ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลดลบันดาลให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีแต่ความสุขเกษมสันต์นิรันดร แล้วพบกันใหม่ปีหน้าครับ.
กำลังใจถือเป็นแรงกระตุ้นและช่วยยึดเหนี่ยวด้านจิตใจที่ดีที่สุดให้ คนไทย ได้ข้ามผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปได้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ใกล้ถึง เทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ทุกคนรอคอย…
กิจกรรมในปีใหม่ที่คนไทยนิยมปฏิบัติสืบต่อกันมา คือ เข้าวัด ฟังเทศน์ ฟังธรรม การทำบุญตักบาตร และขอพรจากผู้ใหญ่ เพื่อนำหลักคำสอนของพระสงฆ์หรือบิดามารดา ไปปรับใช้และเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชน ที่เชื่อกันว่าหากมีโอกาสได้สวดมนต์ต้อนรับปีใหม่จะเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
การสวดมนต์เป็นมงคลหนึ่งในชีวิต ช่วยสร้างจิตให้เกิดกุศลจนก่อให้เกิดเป็นความสุข เป็นการช่วยสร้างพลังอำนาจทางจิตใจให้มีสติ สมาธิ ปัญญา และพินิจพิเคราะห์ถึงสิ่งต่าง ๆ เมื่อความคิดนิ่งจะทำให้เราได้อยู่กับตนเองมาก และซึมซับเอาหลักคำสอนในบทสวดมนต์ไปปรับใช้และเปลี่ยนแปลงตนเองในทางที่ดีขึ้น
ประโยคข้างต้นทั้งหมด ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ประธานคณะกรรมการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี 2554-2555 ปรารภไว้ในหนังสือ “สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี” ซึ่งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนกว่า 30 องค์กรร่วมกันจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ที่สนามหลวง
ขณะที่ พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ได้บอกบุญเชื้อเชิญคนไทยเข้าร่วม “โครงการสวดมนต์ข้ามปี : ทำความดีถวายในหลวง” ในวันที่ 31 ธ.ค. 2554 – 1 ม.ค. 2555 ตั้งแต่เวลา 20.00 – 02.00 น. ซึ่งมีวัดศูนย์กลางใน 4 ภูมิภาค
ส่วนกลางจะประกอบพิธี ณ พระอุโบสถวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ภาคเหนือ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จ.เชียงใหม่ ภาคอีสาน วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารจ.นครพนม และภาคใต้ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จ.สุราษฎร์ธานี โดย มส. ได้คัดเลือกบทสวดมนต์พระปริตร ที่มีความสำคัญใน 3 เรื่องหลัก คือ 1. ช่วยป้องกันภัยพิบัติ 2. เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง และ 3. เพื่อกำจัดทุกข์โศกโรคภัยต่าง ๆ
นอกจากจะเป็นการทำจิตให้บริสุทธิ์เพื่อต้อนรับปีมะโรงแล้ว ยังจะได้ร่วมกันถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ และเป็นการฉลองปีพุทธชยันตีครบ 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า อีกด้วย สะดวกที่ไหนก็เชิญที่นั่น ไม่สะดวกสวดมนต์ที่บ้านก็ได้เช่นกัน
เมื่อคนเรามีจิตใจมั่นคง มีสติสัมปชัญญะ จะได้ตั้งรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะผ่านเข้ามาได้อย่างไม่ตื่นตระหนก ไม่ว่าจะเป็นคำทำนายเรื่องเขื่อนแตกของ “เด็กชายปลาบู่” หรือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ที่หมอดูคนดังทั้งหลายทายทักเอาไว้ หรือแม้กระทั่งคำทำนายของ “ชนเผ่ามายา” ที่ฮือฮากันค่อนโลกว่า ดาวโลกดวงนี้จะถึงกาลแตกดับในปีหน้านี้
ก่อนจะก้าวข้ามปีเก่า อย่าลืมทบทวนตัวเอง คนรอบข้าง เหตุการณ์ทั้งร้ายและดีต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาในปีเถาะ เพื่อปรับปรุงให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปในปีหน้า
ที่สำคัญอย่าได้ละทิ้ง “จิตอาสา” ที่เป็นพลังเยียวยาสังคมไทยในช่วงที่เกิดมหาอุทกภัย
เพราะทุกคนคือ “ผู้ชนะ” มิใช่แค่ในสายตาของคนไทย ขนาดคนทั่วโลกยังอดทึ่งไม่ได้
แต่เราจะแปรเปลี่ยนจิตอาสามาเป็นพลังพัฒนาสังคมไทยอย่างไร เป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่ฝากให้ทุกคนช่วยหาคำตอบในปี 2555 ที่เราหวังให้เป็น “สองฮ่าฮ่าฮ่า” มากกว่า “สองห้าห้าห้า”...
ก่อนจะอำลาปีเก่าไป ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลดลบันดาลให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีแต่ความสุขเกษมสันต์นิรันดร แล้วพบกันใหม่ปีหน้าครับ.
อิทธิบาท
No comments:
Post a Comment