2/08/2017

คาวตองสร้างภูมิให้คุณแม่ต้อ มหาสารคาม

คุณแม่ต้อ  อายุ 77 ปี   บ้านมะโม    ตำบลหนองซอน    อำเภอเชียงยืน    จังหวัดมหาสารคาม     มีปัญหาสุขภาพคือ  มันเจ็บมันปวดไปทั้งร่างกายลุกเดินไม่ได้  ไปหาหมอ เค้าบอกว่าเป็นโรคกระดูกผุ  นอนอย่างเดียวกินแล้วก็นอนทรมานมาก ใครมาจับตัวก็ไม่ได้มันเจ็บไปหมด  แค่จะขยับตัวเองก็ยังเจ็บ เป็นมาเข้าปีที่ 3 แล้ว ก่อนจะมาเจอ คาวตองฯ  เป็นมากๆอยู่ 3 เดือน กระดุกกระดิกตัวไม่ได้ นอนหยอดน้ำเลยทำอะไรไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ และไม่เคยคิดเลยว่าจะหายได้จากโรคนี้  จนกระทั้งลูกสาวได้ยินจากวิทยุ เค้าพูดเรื่อง คาวตองฯ  ว่ามันดีลูกสาวก็เลยซื้อให้  ลุกกินยาเองก็ไม่ได้ใครจับร่างกายก็ร้องด้วยความเจ็บปวด ลูกต้องใช้วิธีจับปากของแม่ตะแคงเอาคาวตองฯป้อนทีล่ะนิด   ให้กินทุกวันประมาณ 3-4วันมันค่อยๆดีขึ้นสามารถขยับตัวเองได้ และพยุงตัวเองนั่งได้ ผ่านไปเกือบอาทิตย์ที่สามลุกขึ้นเดินได้ ลุกทำงานบ้านได้ ลูกสาวก็โทรสั่งซื้อคาวตองฯให้เอามาให้พี่น้องกันหลายคน  ใครป่วยก็ดีขึ้นกันทุกคน เพราะหลายคนที่เอาคาวตองฯ  ไปกินเขาป่วยไม่มากอาการเลยดีขึ้นเร็ว ตอนนี้แม่ก็กินคาวตองนไปสองเดือนแล้ว  ชาวบ้านเห็นกลับมาเดินได้ต่างพากันตกใจเพราะหลายๆคนเค้าบอกแม่คงไม่รอดแน่ๆ  ก็ดีใจมากๆที่ได้กิน คาวตองฯนี้ ชีวิตมันไม่ทรมานอีกต่อไปแล้ว .................................. ผมสนใจเคสแบบคุณแม่ต้อมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีหลายรายที่หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดูกพรุน(Oteoporosis)  ผู้หญิงอายุมากขนาดนี้ คงรักษาให้หายไม่ได้ ต้องหาวิธีที่จะอยู่กับโรคที่ทรมานร่างกายจนกว่าจะหมดลมหายใจ คุณแม่ต้ออายุ 77 ปี ผ่านวัยทองหรือวัยหมดระดู(อายุ 40-50 ปี)ไปนานแล้ว ช่วงนั้นมดลูกจะเริ่มฝ่อ ทำให้ฮอร์โมนเพศหญิง ในร่างกายค่อยๆหมดไป เกิดความผิดปกติในร่างกายคืออาการร้อนวูบวาบตามตัวและใบหน้า ระดูมาไม่ปกติ เครียด อารมณ์แปรปรวน และอาการมากมายที่คิดไม่ถึง สิ่งที่วงการวิทยาศาสตร์ทำเพื่อช่วยคนหมดระดูอย่างหนึ่งคือ การให้ฮอร์โมนทดแทน(Hormone replacement therapy) แต่วิธีการดังกล่าวก็สร้างปัญหาติดตามมาได้ ในเว็บไซด์ของ Dr. Mercola  (http://mercola.fileburst.com/PDF/SpecialReports/Menopause%20Special%20Report.pdf)
 
ซึ่ง Dr. Mercola ที่เป็นเจ้าของเว็บไซด์เกี่ยวกับการรักษาแบบธรรมชาติที่โด่งดังที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ชี้ให้เห็นว่า การป้องกันโดยการเปลี่ยนวิถีการดำรง
ชีวิตและอาหารการกิน เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับโรควัยทองที่กำลังจะมาถึง  ส่วนวิธีการรักษาที่วงการวิทยาศาสตร์ใช้ปฎิบัติตลอดมาคือ การให้ฮอร์โมนทดแทน กลับได้รับการพิสูจน์ชัดเจนว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นอันตรายและควรหลีกเลี่ยงเช่น
1. Premarin – ยาพรีมารินเป็นฮอร์โมน estrogen ที่สกัดได้จากปัสสาวะของม้าเพศเมีย ตอนนี้เรารู้แล้วว่ายานี้ไปเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
2. การรักษาโดยใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน – ยานี้ใช้ป้องกันอาการที่เกิดจากวัยทองบางอย่างได้ดี แต่ก็มีการพิสูจน์ชัดเจนว่ามีผลเสียที่ทำให้คนกินเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมมากขึ้น และยังทำให้ระดับอินซูลินเพิ่มขึ้นด้วย
3. Provera – ยาตัวนี้เป็น ฮอร์โมนโปเจสตินที่สังเคราะห์มาจากโปรเจสเตอโรน ที่มีพิษร้ายกว่าพรีมารินเสียอีก งานวิจัยที่ตีพิมพ์แล้วยืนยันว่า ยานี้ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด(blood clotting)ได้
ในระยะยาว การให้ฮอร์โมนทดแทนส่งผลให้เกิดจากไหลของประจำเดือนและมีความดันโลหิตสูง การหยุดการกินฮอร์โมนทดแทนของคนวัยทองหลายล้านคนนาน 1 ปี ทำให้ลดการเกิดมะเร็งได้ 7% จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันผู้หญิงจำนวนมากหลีกเลี่ยงการกินเอสโตรเจนในการจัดการกับภาวะวัยทอง
1. ข้อมูลที่ผมเขียนข้างต้นซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลสรุปที่ผมนำมาจากต่างประเทศ หากท่านสามารถปฏิบัติตามได้ก็เป็นเรื่องดี แต่พวกเราส่วนใหญ่อาจทำตามได้ยากเช่นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดำรงชีวิต หรือการเปลี่ยนแปลงการกิน เนื่องจากพฤติกรรมของคนนั้นเป็นผลมาจากการทำซ้ำๆนานๆตลอดชีวิต การฝืนทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคยทำมาก่อนย่อมเป็นเรื่องยาก ส่วนเรื่องอาหารการกินก็เปลี่ยนได้ยากแต่คิดว่า ง่ายกว่าการเปลี่ยนพฤติกรรมแน่นอน แต่ไม่ว่าท่านสามารถเปลี่ยนทั้งสองประการได้ ในบทความที่ผมนำมาเขียนให้อ่านก็ไม่ได้บอกว่าเปลี่ยนอย่างไรเป็นสูตรตายตัว และใช้เวลานานเท่าใดจึงจะเห็นผล เป็นการนำเสนอในหลักการกว้างๆมากกว่า ซึ่งเราอาจมองได้หลายมุมว่าจริงหรือไม่จริง แต่หากลองย้อนกลับไปอ่านข้อมูล(ดิบ)ที่ผมนำเรื่องของคุณแม่ต้อ มาเสนอให้พิจารณาข้างต้นด้วยใจที่เป็นธรรม หลายท่านคงตัดสินใจได้ว่า หากเรากินอาหารอย่างหนึ่งครั้งละไม่ถึงกรัม(ผักคาวตองถือเป็นอาหารในการจำแนกประเภทของ อย.) ผักคาวตองได้รับการวิจัยจาก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์(สถาบันวิจัยสมุนไพร. (2553). สมุนไพรน่ารู้(1) ผักคาวตอง ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม พ.ศ. 2553. โรงพิมพ์สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ. กรุงเทพฯ : สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข) ว่าในการทดลองกับหนูทดลองก็ไม่มีพิษและปลอดภัยในการรับประทานมาตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะในภาคเหนือของประเทศไทยหลายจังหวัด ผักคาวตองกินเป็นผักแกล้มน้ำพริก หรืออาหารประเภทยำแบบสลัดเป็นที่นิยมมาช้านาน โดยไม่เคยมีรายงานความเป็นพิษใดๆ หากินคาวตองวันละ 1 กรัมเพื่อใช้เป็นการแพทย์ทางเสริมกับคนวัยทอง โดยไม่กังวลว่าจะเกิดพิษตามงานวิจัยที่กล่าวมา ถึงเวลาถ่ายอุจจาระ เราก็ขับทิ้งไปพร้อมกับกากอุจจาระ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา หากท่านมีเงินซื้อคาวตองฯในตำรับต่างๆที่ขายกันในรูปสารเสริมอาหารมากมายหลายยี่ห้อ การมีกระแสกล่าวหาว่าคนกินผักคาวตองแล้วท้องเสีย เกิดโรคไตหรือติดเชื้อในกระแสเลือดดังที่เป็นข่าวมาในอดีตน่าจะเป็นการจงใจสร้างข่าวของกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือเป็นการขัดแย้งในการค้าในระดับประเทศหรือนานาชาติมากกว่า ซึ่งปัจจุบันที่เรื่องของสมุนไพรถูกผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ ข่าวดังกล่าวก็ไม่ปรากฎอีกเลยซึ่งหากคาวตองฯมีผลข้างเคียงระดับติดเชื้อในกระแสเลือดจริง คาวตองฯที่ยังคงมีขายในท้องตลาดมาตลอดกว่าสิบปีต้องมีรายงานความเป็นพิษออกมาเป็นระยะแน่นอน เหมือนยา Rofecoxib  (ชื่อการค้าว่า Vioox ของบริษัทเมิร์ค แห่งสหรัฐอเมริกา) ที่หลังจกได้รับอนุญาตจาก อย.แห่งสหรัฐอเมริกาทำตลาดได้ ในปี 2542 ก็ถูกถอดทะเบียนยาออกในวันที่ 30 กันยายน ปี 2547 หลังจากมีลูกค้านิยมใช้ยานี้ถึง 80 ล้านคน แล้วส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพของคนจำนวนมาก คนอเมริกันที่กินยานี้ราว 25 ล้านคน มีจำนวนถึง 38,000 คนเสียที่ชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวมีความเกี่ยวพันกับการกินยาตัวนี้  บริษัทเมิร์ค ถูกฟ้องร้องในข้อหาปลอมแปลงผลการศึกษาวิจัย เพื่อทำให้แพทย์และผู้ป่วยเข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของยา ขัดขวางการเปิดเผยข้อมูลของนักวิทยาศาสตร์จาก อย. และหลีกเลี่ยงกฎหมายควบคุมยา ยา Vioox ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงซึ่งบางคนกล่าวว่า เป็นหายนะร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ไม่เพียงแต่เรื่องนี้จะส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตคนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เท่านั้น มันยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อ อย.ของสหรัฐอเมริกาและแคนนาดาอีกด้วย
จากกรณียา Vioox ที่เป็นของบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ของโลก แม้จะมีทุนมหาศ่าล มีกำลังภายในทั้งใน อย.แห่งประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา  จะเห็นได้ว่าหากยาไม่มีคุณภาพหรือมีผลข้างเคียงรุนแรงจริง ก็ไม่สามารถทนต่อการตรวจสอบของมหาชนได้ ผักพื้นบ้านไทยๆที่จัดเป็นอาหารโดย อย.ไทยมาตลอด มีประวัติการใช้บริโภคตามท้องถิ่นของภาคเหนือและอีสานมานานนับพันปี ก็ไม่น่าจะเกิดผลข้างเคียงที่น่ากังวลใดๆ และหากมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง ก็คงมีการรายงานจากภาคประชาชนในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เหมือนกรณีที่เกิดขึ้นกับ Vioox ที่มีรายงานในเว็บไซด์ drugwatch นี้ (https://www.drugwatch.com/vioxx/recall/)

 (Disclaimer: บทความทั้งหมดข้างต้นนี้  เป็นความเห็นส่วนตัวของผม เว้นเสียแต่จะเขียนเป็นอย่างอื่นไว้ ข้อมูลดังกล่าวนี้ ไม่ได้มุ่งหวังให้ใช้แทนที่คำแนะนำแพทย์เจ้าของไข้หรือให้ใช้เป็นคำแนะนำทางการแพทย์ แต่ต้องการแบ่งปันข้อมูลและความรู้ที่ได้จากงานวิจัยและประสบการณ์ของผมและทีมงานเท่านั้น โดย มุ่งหวังอย่างเต็มที่ๆจะให้ท่านได้ตัดสินใจในการดูแลสุขภาพจากการวิเคราะห์และปรึกษาแพทย์ประจำตัวของท่านเอง

สำหรับท่านที่ต้องการสอบถามเพื่อความมั่นใจในในด้านต่างๆเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ติดต่อ ไลน์ส่วนตัวของ คุณอุดม หรือ ผอ ศิริลักษณ์ โทร/ไลน์ 081 980 3320 และ fb live ศิริลักษณ์ จันทรมานนท์ ผู้ใช้สมุนไพร คาวตอง เสริมภูมิคุ้มกัน มากว่า 10 ปี จนถึงปัจจุบัน ในการฝ่าฟันมะเร็งลำไส้ระยะ 3 จนหายเป็นปรกติ จึงได้เป็นตัวแทนจำหน่ายเพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยที่ซื้อและใช้สมุนไพรคาวตองนี้ ................................
หมายเหตุ: บทความข้างต้น ผู้เขียนอนุญาตให้คัดลอกไปเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานได้ โดยไม่ตัดทอนส่วนใดส่วนหนึ่ง อันจะทำให้เนื้อหาของบทความเปลี่ยนไป

No comments: