เดือนตุลาคม, พฤศจิกายน, มีนาคม ราคาหลังละ 1,500 บาท/คืน
- รวมอาหารเช้า
- เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ราคา 400 บาท + อาหารเช้า
เดือนธันวาคม, มกราคม, กุมภาพันธ์ ราคาหลังละ 2,100 บาท/คืน
- อาหารเย็น + อาหารเช้า
- เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ราคา 700 บาท + อาหารเย็น + อาหารเช้า
เดือนเมษายน – กันยายน ราคาหลังละ 650 บาท/คืน
- ไม่รวมอาหารเช้า
- เสริมที่นอนได้ห้องละ 1 ที่ 280 บาท / ไม่รวมอาหารเช้า
** พักได้ 2 คน ** บ้านทุกหลังมีโทรทัศน์และเครื่องอาบน้ำอุ่น ** บ้านทุกแบบให้เข้าพักตามจำนวนคนที่ระบุให้เท่านั้น
กิจกรรมท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง ได้แก่…
• ชมแปลงสาธิต ผัก ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาวภายในศูนย์ฯ สามารถขับรถวนเป็นวงกลม ค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ยานพาหนะคันละ 50 บาท
• ชมสวนบอนไซ อยู่ในบริเวณสถานีฯ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ ปลูก ดัด แต่ง โดยใช้เทคนิคบอนไซ สวยงามน่าชม และในบริเวณเดียวกันก็มีสวนสมุนไพรด้วยฤดูท่องเที่ยวอยู่ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
• เยี่ยมหมู่บ้านหลวง สัมผัสชีวิตชาวจีนฮ่อ ชาวหมู่บ้านหลวงเป็นชาวจีน ยูนานที่อพยพมาจากประเทศจีนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และประกอบอาชีพด้านการเกษตรกรรมเป็นหลัก อาทิ ปลูกผักผลไม้ เช่น พลัม ลูกท้อ และสาลี่
• เยี่ยมหมู่บ้านนอแล สัมผัสวิถีชีวิตชาวปะหล่อง อดีตชนเผ่าดั้งเดิมของพม่า มีผลิตภัณฑ์หัตถกรรมของกลุ่มแม่บ้าน จำหน่ายและเยี่ยมฐานปฏิบัติการนอแล ชมชายแดนไทย-พม่า ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย - พม่า แต่เดิมคนกลุ่มนี้อยู่ในพม่าและพึ่งอพยพมาที่นี่ได้ประมาณ 15 ปี คนที่นี่เป็นชาวเขาเผ่าปะหล่องเชื้อสายพม่า ซึ่งมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง นับถือศาสนาพุทธ ทุกวันพระผู้คนที่นี่หยุดอยู่บ้านถือศีล จากหมู่บ้านนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติ บริเวณพรมแดนไทย-พม่า
• เที่ยวบ้านขอบด้ง สัมผัสวิถีชีวิตชาวเขาเผ่ามูเซอ มีมัคคุเทศก์น้อยพาเยี่ยมชมภายในหมู่บ้าน เป็นที่ที่ชาวเขาเผ่า มูเซอดำและเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ร่วมกัน คนที่นี่นับถือผี มีวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงในด้านการเกษตร และด้านหัตถกรรมพื้นบ้าน (เช่น อาบูแค เป็นกำไลถักด้วยหญ้าไข่เหามีสีสันและลวดลายในแบบของมูเซอ) บริเวณหน้าหมู่บ้านจะมีการจำลองบ้านและวิถีชีวิตของ ชาวมูเซอ โดยชาวบ้าน ครู และนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้ง ช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ได้มีโอกาสเรียนรู้และศึกษาวัฒนธรรมของหมู่บ้าน โดยที่ไม่เข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขามากเกินไป และยังมีโครงการมัคคุเทศก์น้อย ที่อบรมเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้ง เพื่อช่วยอธิบายวิถีชีวิตของพวกเขาให้ผู้มาเยือน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกและสร้างความรักท้องถิ่นให้เด็ก ๆ ด้วย
• เที่ยวหมู่บ้านคุ้ม ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฯ เป็นชุมชนเล็ก ๆ ประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิชาวไทยใหญ่ ชาวพม่าและชาวจีนฮ่อ ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้ และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว
• เดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ประมาณ 2 กิโลเมตร จะได้ชมความงามธรรมชาติของผืนป่าปลูกทดแทน น้ำตกเล็กๆ และกุหลาบพันปี
• กิจกรรมดูนก ที่มีทั้งนกประจำถิ่นและนกหายากต่างถิ่นให้ศึกษาหลากสายพันธุ์ มากกว่า 1,000 สายพันธุ์ จุดที่เหมาะคือสถานีป่าแม่เผอะและบริเวณรอบๆ รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง
• ขี่จักรยานเสือภูเขาชมธรรมชาติ จากบ้านคุ้มไปยังบ้านนอแล และจากบ้านหลวงไปยังบ้านผาแดง
• ขี่ฬ่อล่องไพร ชมความงดงามของธรรมชาติ ในบรรยากาศเย็นสบายรอบ ๆ ดอยอ่างขาง ด้วยการนั่งบนหลังฬ่อ (การนั่งบนหลังฬ่อต้องนั่งหันข้าง เนื่องจากอานกว้างไม่สามารถนั่งคร่อมอย่างการขี่ม้าได้) หากสนใจกิจกรรมนี้ต้องติดต่อกับรีสอร์ทล่วงหน้าอย่าน้อย 1 วัน เพราะปกติชาวบ้านจะนำฬ่อไปเป็นพาหนะขนผลิตผลทางการเกษตรด้วย
• จุดชมวิว-จุดกิ่วลมชนิด เป็นลานชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกดิน และสัมผัสทัศนียภาพของถนนทางขึ้น ดอยอ่างขาง อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยก ซึ่งจะไปหมู่บ้านปะหล่องนอแลทางหนึ่ง และบ้านมูเซอขอบด้งทางหนึ่ง สามารถชมวิวได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก หรือทะเลหมอก มองเห็นทิวเขารอบด้าน และหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วย
ที่พักและร้านอาหาร
สถานีเกษตรหลวงอ่างขางมีบ้านพักรับรองภายในศูนย์ฯ จำนวน 18 หลัง ดังนี้...
• ขนาดพัก 2 คน ราคา 1,000 บาท/หลัง/คืน • ขนาดพัก 6 คน ราคา 1,200 บาท/หลัง/คืน • ขนาดพัก 40 คน ราคา 150 บาท/คน/คืน • เต็นท์บริการ ขนาด 2-3 คน ราคา 150 บาท/หลัง/คืน หากรวมถุงนอนราคา 300 บาท/หลัง/คืน • เต็นท์บริการ ขนาด 4-5 คน ราคา 300 บาท/หลัง/คืน หากรวมถุงนอน ราคา 500 บาท/หลัง/คืน • กรณีนำเต็นท์มาเองคิดค่าบริการพื้นที่คนละ 20 บาท • มีร้านอาหารและเครื่องดื่มภายในสโมสรอ่างขาง
หมายเหตุ : กรุณาสำรองที่พักล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 1 เดือน โทร. 0-5345-0107-9
|
อ่างขางวิลล่า |
|
ที่พักบนดอยอ่างขาง |
|
ต้นดอกพญาเสือโคร่ง
ที่พักทานอาหารสำหรับนักท่องเที่ยว
|
การเดินทางสู่ดอยอ่างขางสามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง
• เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง เลี้ยวซ้ายทางแยกตำบลเมืองงาย ตรงเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 1178 ผ่านบ้านอรุโณทัยไปยังศูนย์ฯ
• เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ถึงกิโลเมตร 137 แยกบ้านปางควาย เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1249 ตรงไปประมาณ 25 กิโลเมตร
หมายเหตุ : ใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท (ควรเช็คสภาพเครื่องยนต์ก่อนขึ้นเขา และผู้ขับขี่ควรมีประสบการณ์ เพราะเส้นทางมีความชันมาก) หรือใช้บริการรถยนต์รับจ้าง จุดจอด ณ ปากทางขึ้นดอยอ่างขาง ราคาเหมา 1,000 - 1,500 บาท
สถานที่ติดต่อ
• สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง บ้านคุ้ม หมู่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50320 โทร. 0-5345-0107-9
|
ในการเดินทาง นักท่องเที่ยว ควรตรวจเช็คสภาพรถเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง |
|
ไม่ประมาท เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง |
|
เส้นทางขึ้นดอยอ่างขางค่่อนข้างชัน นักท่องต้องมีความชำนาญในการขับขี่ |
|
ช่วงปลายปี-ต้นปีใหม่ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับเส้นทางสีชมพูตลอดเส้นทาง |
|
ดอกพญาเสือโคร่งกำลังบานสะพรั่งต้อนรับนักท่องเที่ยว ในช่วงปีใหม่ |
|
หนาว จุงเบย |
แปลงปลูกไม้เมืองหนาวกลางแจ้ง หรือสวนแปดสิบ เป็นไฮไลท์สำหรับการเที่ยวชมดอยอ่างขาง ตั้งอยู่ใจกลางสถานีเกษตร บริเวณด้านหน้าสำนักงานสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ดอกสวยๆ ปลูกลงแปลงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชม อีกทั้งยังมีซากุระแท้ๆ จากญี่ปุ่นให้ชมด้วย ที่นี่มีดอกไม้สวยๆ มากมาย พรรณไม้ในแปลงปลูกจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตลอดเวลา สวนยังสวยแม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนเดือนเมษายนที่ข้างล่างร้อนสุดๆ แต่บนดอยอ่างขางเย็นสบายมีดอกไม้สวยๆ อยู่เสมอ สรุปว่าจุดนี้สวยมากไม่รู้จะอธิบายยังไงชมภาพดีกว่า
พืชผลเมืองหนาว
พระตำหนักอ่างขาง เป็นพระตำหนักหลังเล็กๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเมเปิ้ลบนเนินเขาด้านเหนือของสวนแปดสิบ ในช่วงที่เมเปิ้ลเปลี่ยนสีหรือช่วงที่เมเปิ้ลผลัดใบใหม่จะมีความสวยงามมาก สถานที่แห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมได้
บ๊วยสด .... น่ากิน ^ ^
สวนบ๊วย เป็นแปลงปลูกบ๊วยตั้งแต่เมื่อเริ่มโครงการ ต้นบ๊วยแต่ละต้นมีขนาดใหญ่ปลูกเป็นทิวแถวสวยงามแผ่กิ่งก้านเหมือนสวนบอนไซขนาดใหญ่ จะออกดอกสวยงามในช่วงเดือนมกราคม มีทั้งสีขาวและสีชมพูด โดยสวนนี้จะมีดอกสีขาว ส่วนสวนที่อยู่ตรงข้ามจะมีดอกทั้งสีขาวและสีชมพู ทั้งสองสวนนี้ตั้งอยู่ริมถนนทางออก นักท่องเที่ยวสามารถจอดรถแวะชมได้ ปัจจุบันมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ปลูกหญ้าในสวนบ๊วยทำให้เดินเที่ยวชมได้สบายไม่รกไปด้วยหญ้าเหมือนแต่ก่อน เราเคยรู้จักแต่บ๊วยสามรสไม่เคยเห็นต้นบ๊วยลูกบ๊วย มีโอกาสก็ไปชมกัน
โรงเรือนปลูกผัก อยู่ตรงข้ามกับสวนบ๊วย เป็นโรงเรือนหลังสีโป่งแสงขนาดใหญ่เหมือนในภาพด้านล่าง ในโรงเรือนปลูกผักเมืองหนาวจากต่างประเทศ ด้านหลังโรงเรือนที่พื้นที่ทดลองปลูกผักแบบไม่ใช้ดิน ด้านหน้ามีที่จอดรถ นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้าไปชมได้
แปลงปลูกผักกลางแจ้ง แต่ก่อนใช้พื้นที่นี้ปลูกผักกลางแจ้งเพื่อใช้ผลผลิตภายในโครงการและตัดจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว ปัจจุบันพื้นที่นี้ปรับปรุงใหม่เปลี่ยนเป็นแปลงปลูกไม้ดอกเมืองหนาวกลางแจ้งที่ปลูกลงแปลงเป็นแถวเป็นแนวเช่นฝิ่นประดับ และอีกหลายชนิดสับเปลี่ยนกันไป อยู่ตรงข้ามกับโรงเรือนวิจัยกุหลาบ
โรงเรือนกุหลาบ เป็นโรงเรือนหลังคาโปร่งใส ภายในทำเป็นแปลงยกร่องปลูกกุหลาบชนิดต่างๆ กุหลาบในโรงเรือนนี้เป็นการปลูกเพื่อการวิจัย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ แต่โรงเรือนนี้มีการให้น้ำอัตโนมัติซึ่งสั่งงานได้ตัวตั้งเวลา ดังนั้นการเข้าชมควรดูป้ายเวลาให้น้ำกุหลาบด้วยไม่งั้นมัวถ่ายๆ รูปอยู่น้ำพ่นลงมาเปียกกล้องหมด
โรงเรือนไม้ในร่ม โรงเรือนนี้สวยงามมากมีพรรณไม้นานาชนิดที่ปลูกได้อย่างสวยงามเพราะสามารถควบคุมสภาพน้ำฝนน้ำค้างที่จะทำอันตรายกับต้นไม้ได้ ต้นไม้ภายในจึงสมบูรณ์และสวยงาม กล้วยไม้รองเท้านารีที่ปลูกยากๆ แต่ที่นี่ปลูกได้อย่างง่าย กระถางนึงออกดอกเป็นร้อย แล้วยังมีกล้วยไม้สวยๆ และอีกมากมายหลายอย่าง ต้องลองไปชม
เอาภาพนางพญาเสือโคร่งบนดอยอ่างขางมาฝากนะครับ
เป็นภาพวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมานะครับ
ชื่อสินค้า: นางพญาเสือโคร่ง @ ดอยอ่างขาง
|
เป็นภาพวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมานะครับ
25 มกราคม 2556 เวลา 09:35 น.