12/12/2014

เลาะเลียบภูผาสูง..แวะชิมอาหารชนเผ่า ... ...ที่ “สโมสรดอยอ่างขาง” จ. เชียงใหม่ ...


สโมสรดอย
างขาง
แม่ลิ้นจี่พาชิม ฉบับวันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม 2550
ฉบับวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2553
... เลาะเลียบภูผาสูง..แวะชิมอาหารชนเผ่า ...
...ที่ “สโมสรดอยอ่างขาง” จ. เชียงใหม่ ... 
          ถึงเวลาต้องกลับมาพบกันอีกครั้งเป็นประจำทุกสัปดาห์ ในคอลัมน์พาชิมของหนังสือพิมพ์ “บ้านเมือง” รายวัน ฉบับต้อนรับวันแรกของเดือนตุลาคม โดยมี “แม่ลิ้นจี่” เจ้าเก่าขาประจำคอยทำหน้าที่สรรหาอาหารอร่อย พร้อมด้วยเมนูจานเด็ดมาแนะนำให้แฟนคอลัมน์ได้พากันไปลิ้มลอง....!


          ช่วงนี้วันเวลาเริ่มย่างกรายเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2553 ซึ่งก็เหลือเวลากันอีกแค่ 90 วันก็จะเริ่มนับปีพุทธศักราชใหม่กันอีกครั้ง เวลาช่างผ่านพ้นไปรวดเร็วเสียนี่กระไร และยิ่งในช่วงปลายเดือนนี้ก็จะถึงวันออกพรรษา ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าฤดูกาลกำลังจะเปลี่ยนจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาวกันอีกครั้ง เมนูอร่อยน่าชิมประจำสัปดาห์นี้ก็เลยขอถือโอกาสตระเตรียมการไว้ล่วงหน้าเพื่อจะพาท่านผู้อ่านออกเริงร่าท้าลมหนาวท่ามกลางบรรยากาศของป่าเขาลำเนาไพรพร้อมอิ่มอร่อยกับเมนูจานเด็ดกันที่ “ดอยอ่างขาง” จังหวัดเชียงใหม่
           การนัดแนะเดินทางสำรวจความอร่อยกันในครั้งนี้ เราเดินทางไปกันเป็นทริปเล็กๆ โดยมี “เฮียตี่”เจ้าของร้าน “ตี่โภชนา” ต้นตำรับเป็ดย่างหนังกรอบถนนสุคนธสวัสดิ์เป็นเนวิเกเตอร์ ซึ่งเฮียตี่จะเป็นผู้กว้างขวางและรู้จักร้านอาหารมากมายทั้งในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ เล่ามาถึงตอนนี้คงต้องขอรวบลัดบทความด้วยการเริ่มต้นเดินทางออกจากจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเช้าตรู่ของปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ด้วยรถตู้ปรับอากาศขับลัดเลาะไปตามไหล่เขาซึ่งด้านล่างมีธารน้ำไหลผ่านเข้าสู่เขตอำเภอเชียงดาว แล้วเลี้ยวตรงทางแยกมุ่งสู่จุดหมายที่ดอยอ่างขาง ระยะทางช่วงนี้จะเป็นถนนที่ตัดเลาะริมเขาไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เส้นทางคดเคี้ยวบางช่วงจะเป็นหัวเลี้ยวหักศอกซึ่งต้องใช้ความชำนาญและความระมัดระวังเป็นอย่างมากในการขับรถ จึงขอแนะนำว่าถ้าจะมาท่องเที่ยวกันที่นี่ไม่ควรมาในยามค่ำคืน ขอให้เดินทางกันในช่วงกลางวันที่มีแสงอาทิตย์สาดส่อง เพราะนอกจากจะปลอดภัยแล้วก็ยังได้ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามสองข้างทางแบบคุ้มค่ากับการเดินทาง
          ด้วยระยะทางประมาณ 187 กม. จากเชียงใหม่คณะเราจึงมาถึง “สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง” ในช่วงสาย ซึ่งที่นี่จะมีท่าน “อ.สุธรรม อารีกุล” อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้บริหารสถานี เมื่อรถมาถึงลานจอดจะมีประชากรชาวเขาตัวน้อยๆ มารุมล้อมขายของที่ระลึกส่งเสียงกันเจี๊ยวจ๊าว อากาศก็กำลังสบายประมาณ  20 องศาเซลเซียส ลองนึกดูว่าถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวอากาศของที่นี่จะเยือกเย็นสักปานใด และเมื่อมาถึงที่นี่กันทั้งที “แม่ลิ้นจี่” ขอแนะนำให้พักค้างแรมกันสักหนึ่งคืน เพื่อที่จะมีเวลาได้เที่ยวชมโครงการฯ และได้สัมผัสความมหัศจรรย์ที่สร้างสรรค์โดยธรรมชาติอันสวยงามของที่นี่กันอย่างเต็มที่ ซึ่งที่สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขางเขาจะมีบริการห้องพักตากอากาศไว้บริการนักท่องเที่ยวในราคาที่ไม่แพง เช่น ตั้งแต่เดือนตุลาคม – มีนาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยว “บ้านคำดอย 1-3” พักได้ 4 ท่าน ราคาหลังละ 5,000 บาท/วัน ไม่รวมอาหารเช้า, “บ้าน AK 1-20” พักได้ 2 ท่าน ราคาหลังละ 1,440 บาท/วัน รวมอาหารเช้า 1 มื้อ,“บ้านริมดอย 1-6” พักได้ 6 ท่าน ราคาหลังละ 2,200 บาท/วัน รวมอาหารเช้า, “บ้าน AK ใหญ่” พักได้ 47 ท่าน ราคาท่านละ 320 บาท/วัน ช่วงนี้ใกล้จะถึงฤดูหนาวกันแล้วขอแนะนำให้รีบจองกันไว้ล่วงหน้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มกันก่อนได้ที่ โทร. 053-450-107-9 ต่อ 113-4 
           ที่นี่นอกจากจะมีธรรมชาติและสวนไม้ดอกอันสวยงามให้เราได้เที่ยวชมกันแล้ว ทางด้านเมนูอร่อยน่าชิมก็มีให้เราได้เลือกลิ้มลองกันมากมายหลายชนิดที่ “สโมสรดอยอ่างขาง” ซึ่งเป็นร้านอาหารของสถานีเกษตรหลวงฯ ที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิดไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย จีนยูนาน และอาหารชนเผ่า หรือจะเรียกว่าเป็นอาหารพื้นบ้านของชุมชนชาวเขาก็ว่าได้ ที่เขาจะนำมาปรับปรุงรสชาติให้เข้ากับลิ้นคนเมือง ซึ่ง “คุณปัทมาพร เจริญพงษ์” กุ๊กสาวประจำสโมสรที่คอยดูแลเรื่องรสชาติของอาหารได้บอกเล่าให้ฟังว่า อาหารของที่นี่จะปรุงกันแบบสดๆ โดยเฉพาะพืชผักสมุนไพรก็จะใช้วัตถุดิบปลอดสารพิษที่ปลูกเองภายในสถานีเกษตรหลวงฯ นำมาปรุงเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ บางเมนูจะเป็นอาหารพื้นบ้านของชนเผ่าต่างๆ ที่นำมาประยุกต์เป็นเมนูให้เราได้ลองชิม ซึ่งเมนูจานแรกที่จะแนะนำให้ลองสั่งมาชิมกันในวันนี้ก็มี 
ขาหมูหมั่นโถว...เป็นเมนูที่เฮียตี่ได้มาถ่ายทอดสูตรเด็ดเอาไว้ที่นี่ ซึ่งเขาจะนำขาหมูเผาไฟลอกขนจนเกลี้ยงเกลา ก่อนนำไปต้มตุ๋นกับเครื่องเทศและสมุนไพรจนซึมทราบเข้าเนื้อใน ปรุงรสชาติออกหวาน เค็มนำ หั่นเป็นชิ้นให้เสร็จสรรพเสิร์ฟมาในจานเปลใบใหญ่พร้อมหมั่นโถวหรือซาลาเปาไร้ไส้ลูกใหญ่นุ่มฟู ความอร่อยอยู่ที่ขาหมูหนังนุ่มหนึบหนับ เนื้อเปื่อยเคี้ยวง่ายสบายปาก จิ้มพริกน้ำส้มกินเคียงคู่กับหมั่นโถวอร่อยลิ้น ในราคาจานละ 100 บาท
เป็ดอี้เหลียนรมควัน...เป็นเป็ดจากเมืองจีนที่นำมาถวายองค์ราชินี และเลี้ยงแพร่พันธุ์อยู่ที่อำเภอเชียงดาว  คุณสมบัติของเป็ดตัวจะใหญ่ เนื้อนุ่ม หนังหนา ซึ่งเขาจะนำเป็ดที่ชำแหละแล้วไปหมักกับเครื่องปรุง ก่อนนำไปรมควันรีดไขมันจนเนื้อเป็ดสุกนุ่ม หนังหนาสุกกรอบหอมกลิ่นควันไฟ หั่นสไลด์มาเป็นชิ้นหนาพอคำเสิร์ฟมาในจานเปลใบใหญ่ ในราคาจานละ 90 บาท 
ไก่อุ๊บ..เป็นอาหารของชนเผ่า ซึ่งเขาจะนำไก่บ้านสับเป็นชิ้นพอคำ ไปผัดกับเครื่องแกงที่มีส่วนผสมของ หอมแดง  ตะไคร้ กระเทียม พริกขี้หนูสด โขลกละเอียดไปผัดกับน้ำมันจนหอมฉุน นำไก่ลงไปผัดจนสุกใส่เกลือและขมิ้น ปรุงรสออกเผ็ดนำ เค็ม ผัดแบบแห้งๆ พอขลุกขลิกตักขึ้นใส่จานโรยหน้าด้วยผักชี ความอร่อยอยู่ที่ไก่เนื้อแน่น บวกกับเครื่องแกงรสจัดจ้าน สั่งมากินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยจนลืมอิ่ม ในราคาจานละ 80 บาท 
หมูลุง...เป็นเมนูพื้นบ้านของไทยใหญ่ ซึ่งคำว่าลุงหมายถึงการปั้นเป็นก้อนกลม โดยเขาจะนำเนื้อหมูสับ มะเขือเทศสับ หอมแดงสับ ต้นหอมผักชีสับ ปรุงรสด้วยเกลือป่น นวดปั้นเป็นก้อนกลมคล้ายลูกชิ้น นำไปต้มในน้ำเดือดจนแห้งงวดใส่น้ำมันลงไปคลุกเคล้าจนสุกกรอบด้านนอก ส่วนด้านในเนื้อเนียนนุ่มหอมกลิ่นสมุนไพร กินแกล้มกับผักสดอร่อยอย่าบอกใคร ในราคาจานละ 80 บาท 
สลัดอ่างขาง...เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ โดยเขาจะนำสารพัดพืชผักสลัดที่ปลูกเองในดอยอ่างขาง นำมาหั่นและสับซอยเป็นเส้นมี แครอท แตงกวา กะหล่ำปลีแดง มะเขือเทศ ผักกาดหอม ฟินเล่ โอ๊คเขียว-แดง ไข่ต้มหั่นสไลด์เป็นชิ้นบาง ราดด้วยน้ำสลัดสูตรอ่างขางรสเปรี้ยว เค็ม หวาน ความอร่อยอยู่ที่ผักสดกรอบกรุบบวกกับน้ำสลัดรสเข้มข้น ในราคาจานละ 50 บาท 
ถั่วแดงกรอบยูนาน...เมนูจานนี้เป็นออเดิฟแบบยูนาน โดยเขาจะนำถั่วแดงเมล็ดใหญ่แช่น้ำทิ้งไว้ข้ามคืนจนอ่อนนุ่ม จากนั้นจึงนำมาต้มจนสุกตักขึ้นก่อนนำไปทอดจนสุกกรอบ เทน้ำมันออกใส่น้ำมันพริกเผาเล็กน้อยคั่วจนหอมกรุ่น เติมกะหล่ำปลีดองเกลือของยูนาน กระเทียมสับ พริกแห้งทอด ผัดคั่วจนเข้ากันปรุงรสชาติออกเค็มๆ หวานๆ ตักกินเป็นกับแกล้มกับเมรัยช่างถูกปากถูกใจเป็นยิ่งนัก ในราคาจานละ 80 บาท
          ยังมีอีกมากมายที่สาธยายกันไม่หมดในวันนี้ เช่น น้ำพริกปลารักฉ่อง เต้าหู้เหลืองยูนานทอด เห็ดหอมทอดซีอิ้ว สลัดยูนาน ฯลฯ ถ้ามีโอกาสแวะมาเยือนกันเมื่อไรก็ลองสั่งมาชิมกันได้ ที่ห้องอาหาร “สโมสรดอยอ่างขาง” จะเปิดบริการกันทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-21.00 น.
สะดวกกันวันไหนก็ขอเชิญแวะเวียนมาเยี่ยมชิมกันได้สำหรับวันนี้คงต้องขอแนะนำกันแต่เพียงแค่นี้ แล้วพบกับ “แม่ลิ้นจี่พาชิม” ได้ใหม่ในสัปดาห์ต่อไปนะคะ....! (ค้นหาข้อมูลร้านอาหารย้อนหลังได้ใน www.naachim.com) 

No comments: