ในอดีต ผู้คนได้รู้จักนำเส้นใยธรรมชาติต่างๆ มาถักทอเป็นผืนผ้าไว้สำหรับสวมใส่ ซึ่งเป็นผืนผ้าที่มีความเรียบง่าย แต่คงทนถาวรมากด้วยคุณภาพและคุณค่าของตัวเส้นใยธรรมชาติเอง และมีความสอดคล้องกับสภาพท้องถิ่นชุมชนจนกลายเป็นขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเพณี และ เอกลักษณ์ของแต่ละชุมชน ต่อมาวิวัฒนาการและเทคโนโลยีเจริญเติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะวิวัฒนาการ สิ่งทอ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีการผลิตผืนผ้าขึ้นจากใยสังเคราะห์ ยังผลให้ผู้คนสามารถหาใช้ได้ง่าย ประกอบกับวัฒนธรรมการแต่งกายได้กลับกลายเป็นการรับวัฒนธรรมจากตะวันตกมากขึ้น จนทำให้ ผ้าทอไทยที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนได้สูญหายไปสู่ปัจจุบัน แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปฉันใดก็ตาม กระแสแห่งวัฒนธรรมการแต่งกายในขณะนี้ได้หวนคืนสู่ธรรมชาติ โดยเฉพาะวัฒนธรรมสิ่งทอไทยได้ก้าวสู่กระแสนิยมแห่งโลก อันเนื่องมาจากความวิจิตรงดงามในเส้นใยธรรมชาติที่ถูกถักทอขึ้นเป็นผืนผ้า เมื่อนำมาประดับ สวมใส่ ตัดเครื่องแต่งกาย หรือนำมาตกแต่งเครื่องตกแต่งต่างๆ จึงดูวิจิตร งดงามตระการตา ทำให้คนไทยยุคใหม่หันมาก้าวนำแฟชั่นด้วยผ้าทอ ฝีมือคนไทย และก้าวไปพร้อมกับความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนตนเอง
บ้านฝ้ายคำได้ตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งทอไทยอันจะนำมาซึ่งการรักษาเอกลักษณ์ของชุมชน การรักษาและ สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นมิให้สูญหาย การประกอบอาชีพดั้งเดิมของคนในชุมชน จึงได้นำเส้นใยธรรมชาติต่างๆ มาถักทอให้เป็นผืนผ้าด้วยฝีมือของคนในชุมชนท้องถิ่น อีกทั้งยังได้นำอารยธรรมการแต่งกายยุคใหม่มาประยุกต์ผสมผสาน ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาในรูปลักษณ์ “ผ้าทอไทย สไตล์สากล” ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย และในทุกโอกาสไม่ว่าจะเป็นการนำไปตัดแต่งชุดทำงาน ชุดพิธีการ หรือเลือกตกแต่งเครื่องใช้ เครื่องประดับประจำบ้านมีความทันสมัยตามสากลนิยม แต่ไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นไทย จึงเป็นความภาคภูมิใจทั้งของผู้ผลิตและผู้บริโภค
( 1 ) มีการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพที่จะนำมาผลิตผ้าทอ ตั้งแต่การเลือกเส้นใยที่มีคุณภาพและ มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการนำมาออกแบบเพื่อการใช้งาน คุณสมบัติของเส้นใยมีผลโดยตรง ต่อคุณสมบัติของผ้าที่ทำขึ้นจากเส้นใยนั้นๆ ผ้าที่ทำจากเส้นใยที่แข็งแรงก็จะมีความแข็งแรงทนทานด้วย หรือเส้นใยที่สามารถดูดซับน้ำได้ดีจะส่งผลให้ผ้าสามารถดูดซับน้ำและความชื้นได้ดี เหมาะสำหรับ การนำไปใช้ในส่วนที่มีการสัมผัสกับผิวและดูดซับน้ำ เช่น ผ้าเช็ดตัวและผ้าอ้อม เป็นต้น ดังนั้นการที่เราเข้าใจคุณสมบัติของเส้นใย จะช่วยทำให้สามารถทำนายคุณสมบัติของผ้าที่มี เส้นใย นั้น ๆ เป็นองค์ประกอบ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์สุดท้ายได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเลือกชนิดของผลิตภัณฑ์ในเบื้องต้นได้ถูกต้องตามความต้องการ ของการนำไปใช้งาน
( 2 ) มีการเลือกใช้สีที่ไม่เป็นพิษ (Non Toxic) ทั้งสีย้อมร้อน (Dylon Multi-purpose Dye) และสีย้อม เย็น Dylon Cold Water Dye) ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไม่มีโลหะหนักเจือปน เช่นสารปรอท ตะกั่ว สังกะสี นิเกล ทองแดง แมงกานีส โคบอลต์ โครเมียม ฯลฯ ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่ทำลายเส้นใยผ้า และไม่ทำให้ผ้าแข็งกระด้าง ผู้ใช้จึงมั่นใจได้ว่าการขั้นตอนการผลิตผ้าทอมือของเราจะปลอดภัยต่อคนผลิต และ ผู้บริโภค และที่สำคัญที่สุดคือไม่กระทบต่อสภาพแวดล้อม
( 3 ) มีลวดลายตามรสนิยม/แฟชั่นของคนรุ่นใหม่
( 4 ) การดูแลและเก็บรักษาได้ง่าย สะดวก
( 5 ) เนื้อผ้าสวมใส่สบาย
( 6 ) การออกแบบเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า
( 7 ) สินค้าทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรับรอง
ใบอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ ระดับห้าดาว
บ้านฝ้ายคำจัดทำเครื่องมือเรียนรู้รากเหง้า (เรียนรู้ชุมชน) เน้นให้ความสำคัญกับการสนับสนุน ให้เยาวชนสามารถเรียนรู้ชุมชนของตนเองผ่าน หลักสูตรการเรียนรู้อย่างง่าย โดยผ่านเครื่องมือการเรียนรู้ เช่น วัฒนธรรม ครูภูมิปัญญา ปฏิทินทรัพยากร ประเพณี อันเป็นรากฐานทางสังคม วัฒนธรรมของท้องถิ่น เปิดให้เด็กๆและผู้สนใจเข้ามาเรียนเกี่ยวกับการทอผ้า ย้อมเส้นด้าย และการแปรรูปผ้าทอให้เป็นผลิตภัณฑ์ ที่ภาคภูมิใจของชุมชน
เส้นฝ้ายพุ่ง
เส้นไหมพุ่ง
เส้นไหมพุ่ง
1.เตรียมเส้นด้ายเพื่อใช้เป็นเส้นยืน
2.นำเส้นด้ายมาหมุนเข้าหลอดเพื่อใช้เป็นด้ายยืน
3.จากนั้นนำหลอดด้ายยืนที่หมุนเสร็จมาตั้งในรางค้นด้ายยืน
4.การเดินด้ายเข้าตะลุมพุก
5.ต่อจากนั้นก็นำเส้นด้ายที่เดินด้ายยืนเสร็จมารอยเส้นด้ายเข้ากับเขาลายและฟืม
6.หมุนเส้นด้ายไหมและฝ้ายลงหลอดด้ายพุ่ง(หมุนแยกกัน)
7.จากนั้นก็เริ่มทอตามลายที่เราออกแบบไว้
หลักของการทอผ้า ก็คือการทำให้เส้นด้ายสองกลุ่มขัดกัน โดยทั้งสอง พวกตั้งฉากกัน เส้นด้าย กลุ่มหนึ่งเรียกว่า ด้ายยืน และอีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่า ด้ายพุ่ง ลักษณะของการขัดกันของด้ายพุ่งและ ด้ายยืนจะขัดกันแบบธรรมดาที่เรียกว่าลายขัด หรืออาจจะเพิ่มเทคนิคพิเศษเพื่อให้ผ้ามีลวดลาย สีสัน ที่สวยงามแปลกตาเครื่องมือที่ใช้ในการทอผ้าแต่เดิมใช้กี่มือหรือที่ชาวบ้านในภาคเหนือเรียกว่า “ กี่ ” หรือ “ หูก ” ซึ่งพัฒนามาจากหลักการเบื้องต้นที่ต้องการให้มีการขัดลายกันระหว่างด้ายเส้นยืน กับด้าย เส้นพุ่งเป็นจำนวนมากเพียงพอที่จะทำให้เกิดเป็นผืนผ้าขึ้นได้ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการ ทอผ้า ปัจจุบันเรียกเครื่องมือที่ใช้ทอผ้าที่บ้านฝ้ายคำว่า "กี่กระตุก" การทอผ้ายก เป็นกรรมวิธีการทอให้เกิดลวดลายโดยการยกตะกอแยกด้ายเส้นยืน และในบางครั้ง การยกดอกจะมีการเพิ่มด้ายเส้น พุ่งจำนวนสองเส้น หรือมากกว่านั้นเข้าไปในผืนผ้าและยังมีการใช้ เทคนิคการสลับกระสวยคือการทอเส้นด้ายฝ้ายและไหมสลับกันไป
สถานที่ผลิต : 233/1 บ้านแม่คำบ้านทุ่ง หมู่ที่ 12 ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย 57240 โทร. 081-883-6173 053-665386 แฟกซ์ 053-779-446 ติดต่อ อีเมล์ : baanfaikham@hotmail.com sarostoy@hotmail.com
Additional Information: neomart@gmail.com to Patrick or Phone +66 81 617 2116
ข้อมมูลเพิ่มเติม โทะ 081 617 2116 พงศ์ศักดิ์ หรือ neomart@gmail.com
นางสาวสรษ แก้วคำฟู (ต้อย) สถานที่ผลิต เส้นทางการคมนาคม ถนนพหลโยธิน เชียงราย-แม่สาย ทางแยกเข้าหมู่บ้านแม่คำบ้านทุ่ง ( ทางแยกเข้าหมู่บ้านอยู่ตรงข้ามวัดแม่คำ )
ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก OTOPTODAY.com
No comments:
Post a Comment