ไปเที่ยววันเด็กท่ี พิพิธภัณฑ์เจษฎาเทคนิคมิวเซียม
ขบวนรถโบราณแล่นผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย.
เนื่องในศุภวาระดิถีวันขึ้นปีใหม่ ขออวยพรให้แฟนคอลัมน์ไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียลทุกท่าน มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ทั้งกายและใจ ความเจ็บอย่ารู้ได้ ความไข้อย่ารู้มี สวัสดีทุกยาม สง่างามทุกเมื่อ
วันนี้เชื่อว่าทุกคนกำลังสนุกสนานและมีความสุข สดชื่น กับบรรยากาศเทศกาลปีใหม่ แต่ยังมีวันสำคัญอีกวันหนึ่งสำหรับเด็กๆโดยเฉพาะ นั่นคือ วันเด็กแห่งชาติ ที่จะมาถึงในอีก 13 วันข้างหน้า ซึ่งในปีนี้ตรงกับ วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 ก็จะขอแนะนำที่เที่ยวที่น่าสนใจสำหรับทั้งครอบครัว
เมื่อพูดถึง วันเด็กแห่งชาติ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนนึกถึงก็คือ เพลง “หน้าที่ของเด็ก” หรือ เพลง “เด็กเอ๋ยเด็กดี”
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน (ซ้ำ)
หนึ่ง นับถือศาสนา สอง รักษาธรรมเนียมมั่น
สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
ห้า ยึดมั่นกตัญญู หก เป็นผู้รู้รักการงาน
เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน
แปด รู้จักออมประหยัด เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา
สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา
เด็กสมัยชาติพัฒนา จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ (ร้องซ้ำตั้งแต่ต้น)
เพลง “หน้าที่ของเด็ก” นี้ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้นเห็นความสำคัญของเด็กๆ จึงกำหนดให้ วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปีเป็น “วันเด็กแห่งชาติ” และได้สั่งให้คณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติแต่งเพลงวันเด็กขึ้น เพื่อปลูกฝังให้เด็กไทยทั่วประเทศได้รู้ถึงความสำคัญของตนเอง รู้จักสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบ วินัยที่มีต่อตนเองและสังคม ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อเติบใหญ่จะได้เป็นพลเมืองที่ดีของชาติต่อไป ผู้แต่งเนื้อร้องคือ คุณชอุ่ม ปัญจพรรค์ ทำนองโดย ครูเอื้อ สุนทรสนาน แต่งไว้เมื่อปี พ.ศ.2498 เพลงนี้ร้องโดยนักร้องวงดนตรีสุนทราภรณ์และเปิดให้เด็กทั่วประเทศฟังทาง สถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ทุกวัน จนเด็กๆ ทั้งประเทศร้องได้ขึ้นใจและสามารถปฏิบัติตามทั้งสิบข้อได้จริงๆ และวันนี้คนรุ่นอายุตั้งแต่สี่สิบปีขึ้นไปเกือบทุกคนก็ยังร้องเพลงนี้ได้ อย่างแม่นยำ
เนื่องในศุภวาระดิถีวันขึ้นปีใหม่ ขออวยพรให้แฟนคอลัมน์ไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียลทุกท่าน มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ทั้งกายและใจ ความเจ็บอย่ารู้ได้ ความไข้อย่ารู้มี สวัสดีทุกยาม สง่างามทุกเมื่อ
วันนี้เชื่อว่าทุกคนกำลังสนุกสนานและมีความสุข สดชื่น กับบรรยากาศเทศกาลปีใหม่ แต่ยังมีวันสำคัญอีกวันหนึ่งสำหรับเด็กๆโดยเฉพาะ นั่นคือ วันเด็กแห่งชาติ ที่จะมาถึงในอีก 13 วันข้างหน้า ซึ่งในปีนี้ตรงกับ วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 ก็จะขอแนะนำที่เที่ยวที่น่าสนใจสำหรับทั้งครอบครัว
เมื่อพูดถึง วันเด็กแห่งชาติ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนนึกถึงก็คือ เพลง “หน้าที่ของเด็ก” หรือ เพลง “เด็กเอ๋ยเด็กดี”
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน (ซ้ำ)
หนึ่ง นับถือศาสนา สอง รักษาธรรมเนียมมั่น
สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
ห้า ยึดมั่นกตัญญู หก เป็นผู้รู้รักการงาน
เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน
แปด รู้จักออมประหยัด เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา
สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา
เด็กสมัยชาติพัฒนา จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ (ร้องซ้ำตั้งแต่ต้น)
เพลง “หน้าที่ของเด็ก” นี้ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้นเห็นความสำคัญของเด็กๆ จึงกำหนดให้ วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปีเป็น “วันเด็กแห่งชาติ” และได้สั่งให้คณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติแต่งเพลงวันเด็กขึ้น เพื่อปลูกฝังให้เด็กไทยทั่วประเทศได้รู้ถึงความสำคัญของตนเอง รู้จักสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบ วินัยที่มีต่อตนเองและสังคม ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อเติบใหญ่จะได้เป็นพลเมืองที่ดีของชาติต่อไป ผู้แต่งเนื้อร้องคือ คุณชอุ่ม ปัญจพรรค์ ทำนองโดย ครูเอื้อ สุนทรสนาน แต่งไว้เมื่อปี พ.ศ.2498 เพลงนี้ร้องโดยนักร้องวงดนตรีสุนทราภรณ์และเปิดให้เด็กทั่วประเทศฟังทาง สถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ทุกวัน จนเด็กๆ ทั้งประเทศร้องได้ขึ้นใจและสามารถปฏิบัติตามทั้งสิบข้อได้จริงๆ และวันนี้คนรุ่นอายุตั้งแต่สี่สิบปีขึ้นไปเกือบทุกคนก็ยังร้องเพลงนี้ได้ อย่างแม่นยำ
วันเด็กแห่งชาติ ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เห็นความสำคัญของพลังเด็กไทยเสมอมา จึงได้ให้คำขวัญวันเด็กประจำทุกปี
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2498 จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ให้ คำขวัญวันเด็กปีแรก คือ “จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม”
สำหรับปีนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ให้คำขวัญ คือ “สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี”
ความหมายของคำขวัญก็มุ่งหวังให้เด็กๆ เป็นคนดีนั่นเอง นอกจากจะให้คำขวัญแล้ว รัฐบาลตลอดจนหน่วยงานราชการ ทั้งภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ บริษัท ห้างร้าน โรงเรียน ฯลฯ ทั่วทั้งประเทศ ได้ร่วมใจกันจัดงานและกิจกรรมต่างๆ มอบเป็นของขวัญแก่เด็กทุกคนอย่างเต็มที่ ให้ได้มีความสุข สนุกสนาน สำราญบานใจแบบฟรีตลอดรายการ ตั้งแต่กิน เที่ยว เล่น เดินทาง และมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย สมกับที่เด็กๆรอคอยกันมาทุกปี
เมื่อก่อนหน่วยงานหลักที่จัดงานวันเด็กให้แก่เด็กๆ จะเป็นกองทัพที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยจะนำรถถัง รถทหาร ปืนเล็ก ปืนใหญ่ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ เรือรบ มาตั้งแสดงโชว์ให้เด็กๆศึกษาหาความรู้และขึ้นไปปีนป่ายสวมบทบาทเป็นทหารตัว น้อยๆ ซึ่งก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
สำหรับ วันเด็กปีนี้ผมจะเชิญชวนเด็กๆ ไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์เจษฎาเทคนิคมิวเซียม อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ของ คุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ ผู้ใหญ่ใจดีที่รักเด็ก อยากให้เด็กได้สัมผัสยานยนต์ประเภทต่างๆ จึงได้จัดงานวันเด็กขึ้นติดต่อกันมาหลายปีแล้ว ในปีนี้มีกิจกรรมและการแสดงพิเศษมากมาย นอกจากจะได้ขึ้น เครื่องบินเที่ยวพิเศษ ที่จำลองการเดินทางและการให้บริการเหมือนนั่งอยู่บนเครื่องบินการบินไทย (เป็นการจำลองการบินนะจ๊ะ ไม่ได้บินจริงๆ) โดยจะมีขนม/เครื่องดื่มบริการจากแอร์โฮสเตสรุ่นเยาว์ที่เด็กๆชื่นชอบตั้งแต่ ปีที่แล้ว
ส่วนปีนี้จะมี รถบัสโดยสารโบราณนานาชาติรุ่นต่างๆ ที่เมืองไทยไม่มีมาจอดเรียงรายให้เด็กๆดู ก็อยากจะเล่าให้ฟังว่า รถบัสแต่ละคันเป็นรถที่หาดูได้ยากมาก และได้มาด้วยความลำบาก บางคันมีคันเดียวในโลก บางคันต้องใช้เงินเยอะมากจึงจะเป็นเจ้าของได้ เช่น รถบัสซานฟรานซิสโกของอเมริกาที่หายากมาก สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นรถโดยสารให้นักท่องเที่ยวนั่งชมรอบเมืองซานฟรานซิสโก รถเมล์สองชั้น London Bus เอกลักษณ์ของกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ เป็นรถโดยสารประจำทางสองชั้นสามารถขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อนั่งชมวิวได้รอบด้าน รถจี๊ปนี่ของฟิลิปปินส์ เป็นรถโดยสารสาธารณะที่ดัดแปลงมาจากรถจี๊ปของทหารสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 นำมาออกแบบตกแต่งใหม่จนสวยงามเป็นที่นิยมชมชอบของนักท่องเที่ยวเมืองมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์เป็นอย่างมาก รถเชคเกอร์ 8 ประตูของอเมริกา เป็นรถโดยสารสำหรับแขกพิเศษหรือบุคคลสำคัญที่มาเป็นคณะ มีขนาดกว้างขวางสะดวกสบายมีประตูถึง 8 ประตู
จุผู้โดยสารได้ 4 ตอน และยังเก็บสัมภาระได้มากมาย รถแอมพิคาร์ หรือรถสะเทินน้ำสะเทินบก เป็นรถของประเทศเยอรมนีที่ออกแบบมาเพื่อให้วิ่งได้ทั้งบนถนนและในน้ำ หน้าตาเหมือนรถเก๋งธรรมดาๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถวิ่งในน้ำได้ด้วย รถทั้งหมดที่กล่าวมาจะจอดให้เด็กๆ ขึ้นไปดูเท่านั้น ไม่ได้วิ่งไปมาเพราะสถานที่จัดงานไม่สะดวก
จากรถสี่ล้อก็มาถึง รถหนึ่งล้อ/สองล้อ บ้าง คือ รถมอเตอร์ไซค์ล้อเดียว ที่คนขับจะเข้าไปนั่งอยู่ในวงล้อ ใช้มือบังคับให้รถเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างคล่องแคล่ว เห็นแล้วแปลกมากๆ ไม่รู้ว่าขี่ได้อย่างไร รถจักรยานโบราณที่มีล้อหน้าโตล้อหลังเล็ก ในสมัยก่อนเป็นรถยอดนิยมของคนอังกฤษและยุโรปมาก เรามักจะเห็นรถจักรยานโบราณนี้ในภาพยนตร์เก่าๆ นั่นก็เป็นรถประเภทต่างๆ ที่จะนำมาโชว์ในงานวันเด็ก
สำหรับรถบัสโดยสารโบราณนานาชาติที่กล่าวมานั้น ทางพิพิธภัณฑ์ได้นำไปขับโชว์เป็นครั้งแรกในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 6–9 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยให้ประชาชนนั่งตามใจชอบ เริ่มออกสตาร์ตจากพระบรมมหาราชวังด้านประตูสวัสดิ-โสภา แล้วขับไปตามถนนราชดำเนิน อ้อมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ววนกลับมาที่เก่า เพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสบรรยากาศเย็นสบายยามค่ำของถนนราชดำเนินที่ตกแต่ง สวยงามไปด้วยไฟระย้าและสวนดอกไม้ตลอดเส้นทาง ซึ่งผมก็ได้ไปนั่งรถบัสซานฟรานซิสโกร่วมขบวนกับเขามาแล้ว ตลอดสองข้างทางมีผู้คนสนใจชี้ชวนกันดูรถโบราณทั้ง 20 คัน ที่ขับเป็นขบวนวนไปมาตั้งแต่หกโมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน เชื่อไหมว่ามีคนเข้าคิวกันยาวเหยียดที่จะขึ้นรถทุกเที่ยว น่าชื่นใจจริงๆ
จากเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้คุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ นึกถึงเด็กๆ อยากให้เด็กๆได้มีโอกาสนั่งรถบัสโบราณกับเขาบ้าง นอกจากนี้ ทางพิพิธภัณฑ์เจษฎาเทคนิคมิวเซียม ยังได้จัดกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น นำชมพิพิธภัณฑ์รถโบราณประมาณ 1,000 กว่าคัน บางคันไม่มีผลิตอีกแล้ว บางคันก็มีประวัติและตำนานเล่าขานที่น่าสนใจ ชวนศึกษา มีทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน รถลาก รถถัง เครื่องบิน เรือดำน้ำ เป็นต้น สมกับเป็นแหล่งการเรียนรู้เรื่องยานยนต์ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์และจินตนาการให้แก่เด็กและเยาวชนตลอดจนบุคคล ทั่วไปแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
ก็อยากเชิญชวนคุณครู ผู้ปกครอง พาเด็กๆ และนักเรียนไปร่วมงานวันเด็กที่พิพิธภัณฑ์เจษฎาเทคนิคมิวเซียมตั้งแต่เช้า จนถึงเย็น รับรองว่าได้รับทั้งความรู้ ความสนุกสนาน เพลิดเพลินกับกิจกรรมบนเวทีมากมายโดยมีดารานักแสดง/นักร้อง มาร่วมงาน และจัดการประกวด /แข่งขันพร้อมของรางวัลเพียบ แถมยังมีอาหารการกิน รวมทั้งเครื่องดื่มแจก เด็กๆ ด้วย
การเดิน ทางไปพิพิธภัณฑ์เจษฎาเทคนิคมิวเซียมไม่ยากเพราะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ โดยเข้ามาทางถนนพุทธมณฑลสาย 8 ผ่านโรงงานดัชมิลล์ ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี ตรงไปตามป้ายบอกทางจนถึง ต.งิ้วราย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม สอบถามทางที่เบอร์ 03433-9468 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.jesadatechnikmuseum.com
วันเด็กปีนี้ก็ขออวยพรให้เด็กๆ ทุกคนเป็นเด็กดีมีคุณธรรม เชื่อฟังพ่อแม่และตั้งใจเรียนหนังสือ เพื่อจะได้เติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป.....สวัสดี.
***************
ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์
โดย: ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์
1 มกราคม 2555, 05:00 น.
No comments:
Post a Comment