เรื่องเล่าจากไลน์ ไม่สามารถเช็คที่มาได้ แต่ก็เป็นประโยชน์เพื่อการระมีดระวังเพราะมิจฉาชีพมาได้หลายรูปแบบมากน่ะครับ...จากเหตุการณ์วันนี้ขอเล่าเรื่องราวตามเหตุการณตามลำดับขั้นตอนคร่าวๆที่จำได้นะคะ
วันนี้ 29 ก.ค 61 เวลาประมาณ 12.15 น ได้เข้าไปเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่งแถวสาย5 โดยใช้บัตรเดบิตวีซ่าของธนาคารกรุง... จ่ายค่าเติมน้ำมันยอดเงิน 680 บาท และระหว่างนั้นก็ได้เดินทางไปซื้อของต่อที่จตุจักร เวลาประมาณ 13.00 น ปรากฏว่า sms ในโทรศัพท์ได้เด้งยอดเงินหักออกรัวๆ เริ่มจากเวลา 13.01-13.21 น. เป็นการกดยอดออก 8 ครั้งติดกันและสักพักธนาคารแผนกเช็คความเสี่ยงก็โทรมาว่าเราได้มีการกดเงินซื้อไอเท็มในเกมส์ออนไลน์ ROV จากเลขบัตรดังกล่าวหรือไม่ เราก็ได้แจ้งกับทางธนาคารว่าไม่นะไม่เคยเล่นเกมส์นี้ และโทรศัพท์ก็อยู่กับเราจะไปกดเล่นซื้อไอเท็มเกมส์ได้ไง ธนาคารก็ถามอีกว่าเราได้ให้บัตรกับใครและใครใช้บัตรใบนี้บ้าง เราก็ตอบว่าไม่เคยนะ วันนี้เพิ่งใช้บัตรนี้เติมน้ำมันเมื่อไม่นานนี่เอง และวันนี้ยังไม่ได้ใช้บัตรใบนี้เลย ทางธนาคารเลยบอกว่าอาจจะเป็นเด็กปั๊มหรือเปล่า เราก็ งง เด็กปั๊มจะมาใช้บัตรเราเล่นเกมส์ได้ไง
ธนาคารบอกว่า ทำได้แค่จดหมายเลขบัตรด้านหน้าและด้านหลัง 3 หลักก็สามารถเข้าซื้อไอเท็มได้แล้ว บ๊ะเจ้า😱😱😱มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ในระหว่างนั้นเราก็บอกให้ระงับการจ่ายอายัตบัตรไว้ ธนาคารเลยแนะนำให้เราไปแจ้งความกับตำรวจและเอาใบแจ้งความไปที่ สนง ที่เราได้ทำบัตรไว้แล้วเปลี่ยนบัตรใหม่ หลังจากนั้นเราก็ได้เดินทางไปที่ สภ.โพธิ์แก้ว ที่เป็น สน.เขตที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นอยู่พอไปถึงได้ไปที่ร้อยเวรเพื่อบอกเล่ารายละเอียดและได้ลงบันทึกประจำวันทำสำนวนต่างๆซึ่งเราเล่าไปตำรวจยัง งง และตกใจว่า มีเหตุการณ์แบบนี้ด้วยเหรอแล้วเราเป็นเคสแรก และถ้าเป็นแบบนี้จริงคือความปลอดภัยของผู้ใช้บัตรอยู่ตรงใหน แค่จดหมายเลขบัตรก็สามารถเอาเงินเราออกจากบัญชีได้แล้วคือผู้หมวดที่ทำสำนวนยังถึงขั้นเอาบัตรตัวเองออกมาเทียบแล้วบอกว่าเหมือนกันเป๊ะเลย ผมก็ใช้บัตรนี้บ่อย เพราะทุกคนสามารถเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้ทุกคนคะ เพราะทุกวันนี้เราใช้บัตรเดบิต-เครดิตในชีวิตประจำวันแทบทุกธุรกรรม และเค้ายัง งงๆ เราเลยต่อสายให้คุยกับธนาคารที่คุยกับเราโดยตรง ปรากฏว่ามันทำได้จริงๆคะ จากนั้นทางร้อยเวรเลยแจ้งว่าจะให้สายสืบเข้าไปสอบสวนจัดการเรื่องนี้ว่าเป็นมาเป็นไปยังไงมีมูลมากน้อยแค่ใหน หลังจากเขียนสำนวนลงในบันทึกประจำวันก็ได้เข้าห้องสอบสวนและคุยถึงรายละเอียดและได้ตัดสินใจไปที่เกิดเหตุเพื่อจะไปชี้ตัวคนร้ายว่าคนใหน ต่อจากนั้นเราและก็ตำรวจ(นอกเครื่องแบบ)ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุ(ปั๊มน้ำมันดังกล่าว)และได้ไปติดต่อกับคนเก็บตังค์และได้แจ้งว่าเป็นตำรวจขอเช็คเพื่อสอบถามหาคนที่เติมน้ำมันให้เราในเวลา 12.15 น และเค้าก็แนะนำให้
เดินเข้าไปติดต่อ ผจก พอเข้าไปถึงคนในห้องก็ทำหน้า งงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ทางพี่ตำรวจก็เลยแสดงตัวและบอกว่า ลูกค้าได้เข้ามาเติมน้ำมันที่ปั๊มนี้และสงสัยว่าเด็กปั๊มหรือคนที่รูดบัตรได้ทำการนำเลขบัตรไปซื้อไอเท็มเกมส์ออนไน์ และจะขอเช็คกล้องวงจรปิดทางปั๊ม หลังจากนั้น ผจก ก็ได้เปิดกล้องให้เรากับตำรวจดูและทุกคนในห้องนั้น เราบอกว่าเค้าต้องถ่ายรูปหน้า-หลังบัตรแน่ๆเลย แต่ ผจก บอกว่าก่อนทำงานได้ยึดมือถือไม่ให้เล่นในเวลางาน เราเลยสันนิษฐานว่าต้องจดเลขบัตรแน่ๆ จากนั้นก็กรอไปเรื่อยๆตอนแรกยังไม่รู้ว่าเป็นใคร คนใหน เพราะเปลี่ยนกะเช้ามาเป็นบ่าย และเราก็จำหน้าไม่ได้แต่จำแขนมือได้ว่า แขนดำ ผอม มือใส่อะไรดำๆ พอเลื่อนเปิดหาไปเรื่อยๆตั้งแต่รถเราวิ่งเข้ามาในปั๊มจนถึงตอนเด็กปั๊มเข้ามาเลยรู้ว่า เป็นใครชื่ออะไร พอกรอดูพฤติกรรมจะเห็นว่าเค้ารับบัตรจากเราแล้วอ้อมไปนั่งข้างหัวจ่ายและจดอะไรสักอย่าง สักพักอ้อมเอาบัตรไปให้คนรูด และได้เดินไปเหมือนเช็คเลขอีกครั้ง และไดรับบัตรจาก พนง แคชเชียร์และแทนที่จะเอาบัตรมาให้เราเลยเขาได้เดินไปอีกด้านข้างตู้และยืนจดตรงนั้นอีกนานพอควร ตรงนี้ชัดเลยว่าเค้ายืนจด หลังจากนั้นจนด้วยหลักฐานกล้องวงจรปิด ผจก ก็หน้าเสียบอกว่าไม่คิดว่าน้องเค้าจะกล้าทำเพราะน้องเค้าเพิ่งมาทำงานได้ 10 กว่าวันและยังอายุ 18 แฟน 17 ปีและเพิ่งมีลูกได้ 3 เดือนอยู่ ตจว และทุกวันนี้ก็มาเบิกตังค์ ผจก ไปซื้อข้าวกินวันละ 100 เงินเดือนก็ยังไม่ออก ตำรวจก็เลยแจ้งว่าจะเอายังไงให้น้องเค้ามาเจรจาไหม เพราะดูจากหลักฐานสามารถออกหมายจับได้เลย หลังจากนั้น ผจก ก็โทรหาน้องคนนั้นและแจ้งว่ามีเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ให้เข้ามาปั๊มแต่น้องไม่มาได้ส่งแฟนกับพี่อีกคนมาแทน และแฟนเค้าบอกว่ามันไม่มาเพราะมัวเล่นเกมส์อยู่(คงกำลังมันละสิท่าได้ไปอัพเดตตั้งเยอะ) หลังจากนั้นเราก็เข้ารถไป กลัวเค้ามาถึงแล้วจำเราได้ แต่พอสักพักนึงตำรวจก็เดินมาหาเราที่รถพร้อมบอกว่าน้องเค้ายอมรับสารภาพแล้ว ว่าทำจริง 😤ได้วิธีนี้มาจากเพื่อนที่ ตจว สอนมาโดยกดเลขบัตรพ่อแม่เค้า แต่ไอ้น้องนี้มาทำกับลูกค้า😱 ตำรวจเลยถามว่าจะเอายังไงทำยังไงจะรับผิดชอบค่าเสียหายยังไง ติดต่อญาตพี่น้องได้ไหม เค้าบอกพ่อแม่เค้าก็ไม่มีเงินเลย มีแต่พี่สาวเลยโทรให้พี่สาวเค้ามาเจรจาและขอให้จบวันนี้ เราต้องได้เงินคืนวันนี้
พี่สาวเค้าเลยบอกว่าจะจ่ายวันนี้และได้ยืมเงิน ผจก จ่ายให้เราไปก่อนพร้อมทั้งขอโทษเราและที่บ้านทุกคน ทั้งน้องที่ทำผิด พี่สาว ผจก รวมถึงพนักงานตรงนั้น ได้ทำการขอโทษเราและครอบครัว และทางคุณตำรวจได้เขียนหลักฐานการคืนเงินและลงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ เพื่อรับทราบและเป็นพยาน ไม่อยากตัดอนาคตของเด็กและไม่อยากให้เดือนร้อนถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง
สุดท้ายนี้ เหตุการณ์นี้ถือเป็นกรณีศึกษาให้กับทุกคนที่ใช้บัตรเครดิต-เดบิต ในการจ่ายใช้บริการสินค้าให้มีความระมัดระวังรอบครอบ มิฉะนั้นอาจจะเสียเงินโดยไม่รู้ตัว...
VDO ยักยอกเงินบัตรเครดิตจากเฟซบุ๊ก
เมื่อเร็วๆ นี้ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปตั้งกระทู้เตือนภัยหลังถูกยักยอกเงินจากบัตรเครดิตในเฟซบุ๊ก การยักยอกเงินในเฟซบุ๊กในลักษณะนี้เรียกว่าอะไร แล้วจะมีวิธีป้องกันหรือแก้ไขอย่างไรบ้าง...
มาดูกฎหมายประกอบซึ่งไม่ตรงนัก แต่มีประโยชน์มาก
ปอ.ม.357 รับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์
กรณีใช้บัตรเครดิตของผู้อื่นไปรูดซื้อของ นอกจากความผิดเรื่องบัตรอิเลกทรอนิกส์แล้ว ยังมีความผิดฐานฉ้อโกง
แม้ธนาคารใช้เงินให้ร้านค้าไปแล้ว ธนาคารก็ไม่ใช่ ผสห.ฐานฉ้อโกง เพราะการฉ้อโกงทำกับร้านค้า มิได้ทำกับธนาคาร อัยการจะขอให้ศาลสั่งคืนหรือใช้ราคาแก่ธนาคารไม่ได้
ดังนั้นต้องให้ร้านค้าร้องทุกข์ฐานฉ้อโกงด้วย จะให้ธนาคารร้องทุกข์ฐานฉ้อโกงไม่ได้
เมื่อมีการร้องทุกข์ฐานฉ้อโกงแล้ว แฟนเขาก็ต้องโดนรับของโจร
เช่นเดียวกับ ความผิดฐานหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ ความผิด ตาม ม.91 ตรี ถึงแม้จะฟ้องฉ้อโกง ตาม ปอ.ไปด้วย ศาลก็จะลงโทษตาม ม.91 ตรี แต่อัยการก็ต้องฟ้อง ฉ้อโกง ตาม ปอ.ไปด้วย เพื่อให้ศาลสั่งจำเลยชดใช้หรือคืนราคา แม้จริงแล้วศาลจะลงโทษ ม.91 ตรี ก็ตาม ดู ฎ.1445/2549
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2549
คำฟ้องของโจทก์บรรยายความผิดฐานฉ้อโกงและหลอกลวงคนหางานว่าสามารถหางานในต่างประเทศ ซึ่งตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 บัญญัติให้อำนาจโจทก์ที่จะขอศาลให้สั่งจำเลยคืนเงินที่ฉ้อโกงไปให้แก่ผู้เสียหายทั้งสามได้ และจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกข้อหา ซึ่งศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 341 ด้วย แม้จะมิได้ปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 341 ดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน 200,000 บาท ที่ฉ้อโกงไปให้แก่ผู้เสียหายทั้งสามตามที่โจทก์ขอมาได้
ก่อนยื่นฎีกา ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ถอนคำร้องทุกข์ของตนเฉพาะในส่วนความผิดตาม ป.อ. มาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวโดยอ้างว่าได้รับชดใช้เงินจากจำเลยเป็นที่พอใจและไม่ติดใจดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งแก่จำเลยอีกต่อไป ดังนั้นสิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานดังกล่าวเฉพาะในส่วนของผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 จึงระงับไป ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) ย่อมทำให้คำขอในส่วนแพ่งของโจทก์ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 คนละ 65,000 บาท รวมเป็นเงิน 130,000 บาท ตกไปด้วย โจทก์ไม่อาจขอให้บังคับจำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ได้อีก คงขอให้บังคับได้เฉพาะผู้เสียหายที่ 3 เป็นเงิน 70,000 บาท เท่านั้น ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
No comments:
Post a Comment