Kitchen Hush
วันนี้ไปกินอาหารญี่ปุ่นที่เชียงใหม่กันอีกครับ
แม้เชียงใหม่จะอยู่ห่างไกลทะเลอย่างมาก แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นคุณภาพเยี่ยมโดยฝีมือชาวญี่ปุ่นจริงๆ ที่เปิดต้อนรับลูกค้าด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเองมานานกว่า 10 ปีอยู่ที่นี่ด้วย ,, ร้านนี้มีชื่อว่า Kitchen Hush ครับ
View Kitchen Hush in a larger map
แต่พอเปิดประตูเหมือนกับคนละบรรยากาศกับข้างนอกเลย ,, บรรยากาศดูเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่ที่นี่มีโต๊ะให้บริการไม่เยอะ ชั้นล่างมี 5-6 ตัว กับเคาน์เตอร์อีก 4 ที่นั่ง (ส่วนชั้นบนรู้ว่ามีโต๊ะนั่งได้ แต่ไม่ทราบ) ,, แนะนำนั่งทุกที่ แต่ถ้าคนขี้หนาวให้ไปนั่งตรงเคาน์เตอร์เลยฮะ
พอมาถึงที่ร้านเค้าก็จะเสิร์ฟเครื่องดื่มและก็ออร์เดิร์ฟประจำวัน ,, ที่เค้าทำแบบนี้เพราะว่าเมนูของร้านมีให้เลือกเยอะมากๆ แถมยังเรียงไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่ ,, สำหรับคนที่มาครั้งแรกอาจงงจนไม่รู้จะสั่งอะไรได้ ก็แนะนำว่ากินออร์เดิร์ฟไป จิบเครื่องดื่มไป แล้วก็เลือกของว่างและอาหารจานหลักมากินกันครับ
เอาเป็นว่า สั่งอาหารกันเถอะครับ
กะของว่างอีกแบบมันไม่ค่อยเชิงของว่างเท่าไหร่ แต่มันน่าจะเอามาเป็นกับแกล้มกับเบียร์หรือสาเกน่าจะเข้ากว่ามากๆ ,, อย่างเช่นไอ้ที่สั่งไปคือคอนยักกี้ (บุก) มาปรุงรสเผ็ด มันก็หนึบๆ ได้รสสัมผัสดีนะ แต่ว่าถ้าได้เบียร์ซักแก้วคงแหล่มมากๆ (ฮา)
ซาซิมิรวมที่นี่ ซึ่งมีให้เลือก 2 ชุดคือชุดเล็ก 290 บาท (มีทุกอย่างอย่างละ 2 ชิ้น เว้นปลาหมึก ika มีอันเดียว) กับชุดใหญ่ 390 บาท (มีทุกอย่างอย่างละ 3 ชิ้น เว้นปลาหมึก ika มีอันเดียว) ในชุดมีทั้งปลาแซลมอน, ปลากะพง, ปลาตะคองเหลือง (shima aji), มากูโร่, กุ้งหวาน, กับปลาอื่นๆ ที่ผมไม่รู้จัก (แต่ก็อร่อยทุกชิ้นนะ) รวมๆ แล้วก็ 9 อย่าง
ปลาแต่ละชิ้นนี่หั่นได้ใหญ่สะใจ ,, โดยชุดนี้มาพร้อมกับวาซาบิหอมเข้มข้นคุณภาพเยี่ยมและโชยุรสกลมกล่อม
ที่เชียงใหม่ก็มีซาซิมิสดๆ ให้กินด้วยแฮะ
คือที่นี่ก็มีอาหารชุดแบบที่เราคุ้นเคยนะ ทั้งชุดแซลม่อนย่างเกลือ, ข้าวหน้าหมูทอด, ข้าวแกงกะหรี่ต่างๆ ,, แต่เมนูที่ผมดูสะดุดตาสุดๆ คงเป็นข้าวหน้าปลาไหล (มีให้เลือกแบบปลาไหลชิ้นเดียวหรือสองชิ้น) คือที่สะดุดตาเพราะว่าปลาไหลตัวใหญ่มาก นอนแผ่แล้วเรียกว่าปลาล้นเกยขอบถ้วย สะใจพวกแก๊งส์ล่าปลาไหลมากๆ
กับอีกอย่างที่ผมลองสั่งดูคือข้าวหน้าแซลม่อนครับ ,, ถ้วยนี้มาแบบจัดเต็ม เพราะอัดชิ้นปลาแซลมอนสดแล่มาวางเต็มด้านหน้า แล้วโรยด้วยไข่ปลาแบบบะลั้กอั้ก และปิดท้ายด้วยสาหร่าย ,, เวลากินก็คลุกวาซาบิและราดโชยุลงไปเคล้าให้ทั่ว ตักข้าวและปลาเข้าปากพร้อมๆ กับ ,, โอ้สสสสส แหล่มโฮกส์ๆ
ส่วนในชุดกับข้าวหลักๆ นอกจากปลาดิบ/ปลาซาบะ ก็จะมีหมูผัดขิงในห่อกระดาษ นอกนั้นก็จะเป็นเครื่องเคียงพอกินขำๆ ทั้งออร์เดิร์ฟชุดฮัช, มะเขือม่วงย่างราดซอสมิโซะ, ผักดอง, สลัดมันฝรั่ง, เต้าหู้, ซุปมิโซะ, ถั่วแดง, ฟักทองต้ม (เท่าที่จำได้อะนะ)
ส่วนตัวผมว่าอาหาร Hush ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ ซึ่งถ้าราคาชุด Hush แล้ว สั่งข้าวหน้าปลาไหลมากินดีกว่า ,, ส่วนตัวผมว่ามันเหมาะกับคนที่ไม่รู้จะกินอะไรแต่ก็ไม่รู้จะเลือกอะไร เพราะแม้ว่ามีหลายอย่าง แต่มันหนักไปทางเครื่องเคียง ส่วนชิ้นกับข้าวหลักมีแค่หมูผัดขิงและปลาแค่นั้น
เอาเป็นว่าถ้าสนใจจะไปลองชิมดูก็สนับสนุนฮะ โดนร้าน Kitchen Hush เค้าเปิด 2 ช่วงเวลานะ คือ 11.30-14.00 น. กับตอน 18.00-22.00 น. ครับ ,, หรือว่าถ้าไม่แน่ใจก็โทรไปถามที่ 053-247731 ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดญี่ปุ่นไม่เป็นแล้วคุยไม่รู้เรื่องฮะ ,, เค้ามีพนักงานคนไทยอยู่ด้วยน่ะ
แม้เชียงใหม่จะอยู่ห่างไกลทะเลอย่างมาก แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นคุณภาพเยี่ยมโดยฝีมือชาวญี่ปุ่นจริงๆ ที่เปิดต้อนรับลูกค้าด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเองมานานกว่า 10 ปีอยู่ที่นี่ด้วย ,, ร้านนี้มีชื่อว่า Kitchen Hush ครับ
ทำเลของร้าน
ร้าน Kitchen Hush เค้าอยู่ในซอยโรงเรียนอนุบาลวารีตรงข้ามโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย (ถ.แก้วนวรัฐซอย 2) เข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเห็นป้ายร้านอยู่ครับ เลี้ยวเข้ามาก็จะเจอตัวบ้านที่มืดๆ มีต้นไม้รกๆ นิดหน่อย มีที่จอดรถยนต์ได้ด้วย ดูแล้วเหมือนไม่ใช่ร้านอาหารเท่าไหร่ (เพราะเดิมทีที่นี่เป็นบ้านคนมาก่อน แล้วทางเจ้าของร้านเค้าเอามาดัดแปลงเป็นร้าน) คิดไปแล้วคล้ายเด็กหนุ่มขี้อายมาซ่อนตัวอยู่เกือบริมซอยView Kitchen Hush in a larger map
แต่พอเปิดประตูเหมือนกับคนละบรรยากาศกับข้างนอกเลย ,, บรรยากาศดูเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่ที่นี่มีโต๊ะให้บริการไม่เยอะ ชั้นล่างมี 5-6 ตัว กับเคาน์เตอร์อีก 4 ที่นั่ง (ส่วนชั้นบนรู้ว่ามีโต๊ะนั่งได้ แต่ไม่ทราบ) ,, แนะนำนั่งทุกที่ แต่ถ้าคนขี้หนาวให้ไปนั่งตรงเคาน์เตอร์เลยฮะ
พอมาถึงที่ร้านเค้าก็จะเสิร์ฟเครื่องดื่มและก็ออร์เดิร์ฟประจำวัน ,, ที่เค้าทำแบบนี้เพราะว่าเมนูของร้านมีให้เลือกเยอะมากๆ แถมยังเรียงไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่ ,, สำหรับคนที่มาครั้งแรกอาจงงจนไม่รู้จะสั่งอะไรได้ ก็แนะนำว่ากินออร์เดิร์ฟไป จิบเครื่องดื่มไป แล้วก็เลือกของว่างและอาหารจานหลักมากินกันครับ
เอาเป็นว่า สั่งอาหารกันเถอะครับ
เริ่มที่อาหารกินเล่นกันดีกว่า
เริ่มที่อาหารกินเล่นระดับโคตรเยอะก่อนละกันครับ ,, คือที่ร้านมีแบบอาหารกินเล่นพอขำๆ ก่อนมื้ออาหาร พวกนี้ก็คล้ายๆ ร้านอื่นๆ ที่มีขายกันนะ เช่นทาโกยากิ, โอโคโนมิยากิ, สลัดแบบต่างๆ ,เทมปุระ, ปลาหมึกทอด, พวกของทอดต่างๆ ฯลฯ รสชาติก็อยู่ในระดับกลางๆ ตามมาตรฐานอาหารญี่ปุ่นทั่วๆ ไปกะของว่างอีกแบบมันไม่ค่อยเชิงของว่างเท่าไหร่ แต่มันน่าจะเอามาเป็นกับแกล้มกับเบียร์หรือสาเกน่าจะเข้ากว่ามากๆ ,, อย่างเช่นไอ้ที่สั่งไปคือคอนยักกี้ (บุก) มาปรุงรสเผ็ด มันก็หนึบๆ ได้รสสัมผัสดีนะ แต่ว่าถ้าได้เบียร์ซักแก้วคงแหล่มมากๆ (ฮา)
สุดยอดปลาดิบ
อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาดเลยของที่นี่คือพวกซาซิมิ ซึ่งที่นี่ก็มีให้เลือกเยอะครับ ,, แต่ที่ผมแนะนำคือซาซิมิรวม หรือ Moria wase ของที่นี่ครับ รับรองว่าเด็ดมากๆซาซิมิรวมที่นี่ ซึ่งมีให้เลือก 2 ชุดคือชุดเล็ก 290 บาท (มีทุกอย่างอย่างละ 2 ชิ้น เว้นปลาหมึก ika มีอันเดียว) กับชุดใหญ่ 390 บาท (มีทุกอย่างอย่างละ 3 ชิ้น เว้นปลาหมึก ika มีอันเดียว) ในชุดมีทั้งปลาแซลมอน, ปลากะพง, ปลาตะคองเหลือง (shima aji), มากูโร่, กุ้งหวาน, กับปลาอื่นๆ ที่ผมไม่รู้จัก (แต่ก็อร่อยทุกชิ้นนะ) รวมๆ แล้วก็ 9 อย่าง
ปลาแต่ละชิ้นนี่หั่นได้ใหญ่สะใจ ,, โดยชุดนี้มาพร้อมกับวาซาบิหอมเข้มข้นคุณภาพเยี่ยมและโชยุรสกลมกล่อม
ที่เชียงใหม่ก็มีซาซิมิสดๆ ให้กินด้วยแฮะ
อาหารจานหลักมาซักที
จริงๆ กินซาซิมิก็เรียกว่าโคตรอิ่มแล้วนะ ,, แต่ก็ขอจานหลักที่มีข้าวหน่อยเหอะคือที่นี่ก็มีอาหารชุดแบบที่เราคุ้นเคยนะ ทั้งชุดแซลม่อนย่างเกลือ, ข้าวหน้าหมูทอด, ข้าวแกงกะหรี่ต่างๆ ,, แต่เมนูที่ผมดูสะดุดตาสุดๆ คงเป็นข้าวหน้าปลาไหล (มีให้เลือกแบบปลาไหลชิ้นเดียวหรือสองชิ้น) คือที่สะดุดตาเพราะว่าปลาไหลตัวใหญ่มาก นอนแผ่แล้วเรียกว่าปลาล้นเกยขอบถ้วย สะใจพวกแก๊งส์ล่าปลาไหลมากๆ
กับอีกอย่างที่ผมลองสั่งดูคือข้าวหน้าแซลม่อนครับ ,, ถ้วยนี้มาแบบจัดเต็ม เพราะอัดชิ้นปลาแซลมอนสดแล่มาวางเต็มด้านหน้า แล้วโรยด้วยไข่ปลาแบบบะลั้กอั้ก และปิดท้ายด้วยสาหร่าย ,, เวลากินก็คลุกวาซาบิและราดโชยุลงไปเคล้าให้ทั่ว ตักข้าวและปลาเข้าปากพร้อมๆ กับ ,, โอ้สสสสส แหล่มโฮกส์ๆ
อาหารชุดพิเศษของที่นี่
นอกจากอาหารทั่วๆ ไป ที่นี่ยังมีอาหารชุดพิเศษที่นี่ที่เรียกว่า Hush ครับ ,, มี 2 ชุดให้เลือกคือ Hush A และ Hush B จะต่างกันที่ชุด A จะเป็นปลาซาบะย่างซ้อส แต่ชุด B จะเป็นซาซิมิสี่ชิ้นแทนส่วนในชุดกับข้าวหลักๆ นอกจากปลาดิบ/ปลาซาบะ ก็จะมีหมูผัดขิงในห่อกระดาษ นอกนั้นก็จะเป็นเครื่องเคียงพอกินขำๆ ทั้งออร์เดิร์ฟชุดฮัช, มะเขือม่วงย่างราดซอสมิโซะ, ผักดอง, สลัดมันฝรั่ง, เต้าหู้, ซุปมิโซะ, ถั่วแดง, ฟักทองต้ม (เท่าที่จำได้อะนะ)
ส่วนตัวผมว่าอาหาร Hush ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ ซึ่งถ้าราคาชุด Hush แล้ว สั่งข้าวหน้าปลาไหลมากินดีกว่า ,, ส่วนตัวผมว่ามันเหมาะกับคนที่ไม่รู้จะกินอะไรแต่ก็ไม่รู้จะเลือกอะไร เพราะแม้ว่ามีหลายอย่าง แต่มันหนักไปทางเครื่องเคียง ส่วนชิ้นกับข้าวหลักมีแค่หมูผัดขิงและปลาแค่นั้น
ปิดท้ายด้วยของหวาน
ของหวานที่นี่มีหลายแบบ (แต่ในเมนูมันจะปนๆ กับของคาวในหน้ากลางๆ จะหายากนิดนึง) ถ้าไม่รู้จะเอาอะไรในพวกอาหารชุดก็จะมีไอศครีมหรือโทนิคมาเสิร์ฟให้ ,, หรือถ้าอยากเข้าถึงความเป็นญี่ปุ่นก็สั่งของหวานแยกพวกขนมถั่วแดง พวกโมจิหวานๆ อะไรประมาณนี้ ,, อร่อยดีและปิดมื้ออาหารได้อย่างดีเยี่ยมด้วยที่มากินวันนี้
เท่าที่มากินนี่อาจเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ดีมากๆ ร้านนึงเมื่อเทียบกับราคา ยิ่งถ้าเทียบกับร้านอาหารญี่ปุ่นตามห้างสรรพสินค้าแล้วนี่ราคาคงอัพจาก Kitchen Hush ขึ้นไป 3-4 เท่าได้ ,, ส่วนอาหารที่แนะนำนี่คงเป็นข้าวหน้าปลาไหลและซาซิมิชุดรวม เพราะคุ้มค่าทั้งเรื่องความอร่อยและราคา, ส่วนพวกของกินเล่นนี่ผมว่าเฉยๆ นะ อร่อยดีแต่ราคาค่อนข้างแพงไปหน่อยเอาเป็นว่าถ้าสนใจจะไปลองชิมดูก็สนับสนุนฮะ โดนร้าน Kitchen Hush เค้าเปิด 2 ช่วงเวลานะ คือ 11.30-14.00 น. กับตอน 18.00-22.00 น. ครับ ,, หรือว่าถ้าไม่แน่ใจก็โทรไปถามที่ 053-247731 ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดญี่ปุ่นไม่เป็นแล้วคุยไม่รู้เรื่องฮะ ,, เค้ามีพนักงานคนไทยอยู่ด้วยน่ะ
No comments:
Post a Comment