11/26/2010

(Maesod Economic – Eco City) “เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด”

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2553

เรื่อง “เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด” โมเดลใหม่ของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
ไฟล์แนบ ไม่มี

พาณิชย์ ตั้ง เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด โมเดลใหม่ของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย โดยครม. ได้อนุมัติหลักการให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนไทย - พม่า ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หวังเปิดประตูการค้าด้านตะวันตกเชื่อมโยงวงแหวนเศรษฐกิจ East–West Economics Corridor

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจการค้าชายแดนไทย-พม่า และประธานคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจแม่สอด เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจการค้าชายแดนไทย-พม่า ที่ได้ผลักดันให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด และรูปแบบแนวทางการดำเนินงานที่ให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุน และรัฐบาลให้การสนับสนุนปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน และพื้นที่/ ที่ดิน ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดขึ้น โดยมุ่งหวังให้เป็นประตูการค้าด้านตะวันตกเชื่อมโยงอาเซียน ตะวันออกกลาง ยุโรป และ แอฟริกา

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธาน เพื่อทำการศึกษากฎหมายต่าง ๆ และเปรียบเทียบรูปแบบการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศต่าง ๆ ครอบคลุมถึงการบริหารจัดการ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งในคราวประชุมคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 คณะอนุกรรมการฯ ได้นำเสนอความคืบหน้าของการดำเนินงานและคาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จากนี้ จะสามารถสรุปผลรูปแบบของการบริหารจัดการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดสิทธิประโยชน์ และการยกร่างกฎหมายจัดทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อใช้ในระยะยาวต่อไป

“คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบโครงการจัดจ้างออกแบบการใช้ประโยชน์ เพื่อจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด โดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ สังคม ความเป็นอยู่ วิถีชีวิตของชุมชน และสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด ME2 City (Maesod Economic – Eco City) เพื่อให้เป็นโมเดลต้นแบบในการพัฒนาเศรษฐกิจไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการภายในเดือนธันวาคมนี้”

***************************************

No comments: