9/05/2013

บ้านไร่ยามเย็น - เชียงใหม่

ชื่อร้าน : บ้านไร่ยามเย็น
รายการอาหาร : อาหารเมือง
เวลาเปิดบริการ : เวลา 11.00 - 24.00 น.
ที่ตั้งร้าน : ซอยลังกา3 ฟ้าฮ่าม, เชียงใหม่
พิกัด GPS : 18° 48' 38.87" N 99° 0' 19.49" E
   

















 ร้านนี้หลายคนที่เคยมาให้คำินิยามว่า.....
อาหารอร่อย บรรยากาศดี ดนตรีเพราะ
ด้านขวามือ เป็นมุมด้านในสุดของร้านบรรยากาศระเบียงริมสระน้ำเล็กๆ
ที่เปิดน้ำพุไว้กลางสระ มุมนี้เป็นมุมฮอทสุดของร้าน
ถ้าฝนไม่ตก เราก็ว่ามุมนี้นั่งสบายที่สุด
เหมาะสำหรับมานั่งตั้งแต่แดดร่มลมตกไปเรื่อยๆ 






 ร้านนี้เป็นอีกร้านแนะนำในเชียงใหม่
สำหรับคนชื่นชอบอาหารเมือง
ว่าจะ..ว่าจะมาหลายรอบแล้วก็มาไม่ถึงสักที
ยิ่งน้องนุชแม่เฮือน กูรูอาหารเมืองการันตีว่าร้านนี้อาหารจ๊าดลำ
แบบนี้ไม่ยอมพลาดแน่....

เพิ่งรู้ว่าเป็นร้านอาหารเมืองเก่าแก่คู่เชียงใหม่มาร่วม 40 ปี
เหอะ..เหอะ..ตกสำรวจไปได้ไงเนี่ยเรา 

ถ้าไม่ใช่คนเชียงใหม่ เราว่าจะงงกับเส้นทางไปร้านนิดหน่อย
เพราะร้านอยู่ในซอยไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่
มีเรือนไม้ที่ดัดแปลงมาจากยุ้งข้าวอยู่ด้านใน
บรรยากาศเหมือนเดินเข้าไปในบ้านที่ดัดแปลงมาทำร้านอาหาร













 มีเมนูแนะนำขึ้นหน้ากระดานให้ดูก่อน เมนูร้านนี้มีอาหารให้เลือกค่อนข้างแยะ 
รายการเครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย แต่ของเราไม่พ้น
น้ำบะเกี๋ยง(อีกแล้ว) แก้วละ 25 บาท








  




 ลาบปลาเพี้ย 90 บาท
พอพูดถึงลาบ หลายคนอาจจะนึกถึงลาบแบบที่เราคุ้นเคยกัน ที่รสชาติต้องเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ แต่ลาบคั่วแบบเหนือไม่มีรสเปรี้ยว
แต่จะหอมเครื่องเทศและสมุนไพร เช่น พริกแห้ง ข่า ตะไคร้ หัวหอม กระเทียม มะแขว่น ลูกผักชี พริกไทย ลูกผักชี ดีปลี ฯลฯ
เครื่องสำหรับปรุงลาบคั่วแบบเืมืองนี่ถ้าไม่ทำเองก็หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป แต่ผงทำลาบคั่วที่ดูธรรมดาหน้าตาเป็นผงหยาบๆ
เหมือนพริกแห้งสีคล้ำๆ นี่ บอกก่อนว่าแต่ละเจ้าความอร่อยก็ไม่เหมือนกัน เพราะเราเคยมาแล้ว ซื้อมาบางเจ้ามีแต่เผ็ด แถมยังไม่หอมอีก

ลาบที่นี่การันตีในความหอมกลมกล่อมรสไม่มีเพี้ยน ยิ่งได้ผักกลิ่นฉุนแนมด้วย กินเพลินเลยล่ะ

ส่วนปลาเีี้ีพี้ยเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่่ง เค้าบอกว่าเหมาะที่จะเอามาทำลาบคั่วแบบทางเหนือที่สุด
ปลาจะแกะก้างออกเอาแต่เนื้อมาคั่วกับเครื่องลาบแบบเืืมือง แต่เรากินแล้วก็ไม่รู้สึกว่ามันอร่อยต่างจากปลาอื่นยังไง 

อยากรู้ว่าลาบคั่วเมืองต่างกับลาบทางอิสานตรงไหน ----> คลิ๊กวิธีทำลาบคั่วเมืองที่นี่










 ที่ร้านนี้นอกจากผักกาดขาวแล้ว ที่ถูกใจเห็นจะเป็นผักเมืองที่มีกลิ่นฉุนที่่เหมาะจะกินคู่กับลาบมาให้หลายอย่าง
เช่นผักไผ่ ใบเล็บครุฑ ดีปลากั้ง ผักแป๋ม และก็ใบจันทน์หรือใบกระเพราช้าง
เสียดายน่าจะมีหญ้าตดหมาด้วยอีกสักอย่างจะแจ่มเลย 









 แกงถั่วฝักยาวใส่ผักหละหรือแกงถั่วใส่ชะอมใส่ปลาแห้ง เป็นเมนูที่แสนธรรมดา แต่ก็เป็นจานโปรดของเรา
ที่นี่แกงได้อร่อยถูกใจอีกแล้ว น้ำแกงหวานปลาแห้งที่ต้มมาจนนุ่ม นอกจากใส่ถั่วฝักยาว ใส่ชะอม ยังมีเห็ดฟางกับมะเขือเทศใส่มาด้วย
ชามนี้ 85 บาท...ขอบอกว่าอร่อยมากกกกกก เป็นเมนูที่คนควบคุมน้ำหนักน่าจะชอบ 

พอบอกว่าเป็นเมนูลดน้ำหนัก หลายคนคงสนใจใช่มั๊ยล่ะ.....
วิธีทำแกง คลิ๊กที่นี่










 น้ำพริกเห็ดหล่ม ยังไ่ม่ค่อยโดนแบบไม่ค่อยหอมกลิ่นเห็ดเท่าไร แต่คนที่ไม่ทานนำพริกที่เผ็ดมากคงจะชอบ

น้ำพริกถ้วยนี้คล้ายน้ำพริกหนุ่มแต่ตำใส่เห็ดหล่มย่างด้วย ขายเป็นชุดคู่กับผักนึ่ง 70 บาท
แต่ถ้าสั่งเป็นน้ำพริกชุดผัก เิ่ิิิพิ่มจิ้นนึ่ง(เนื้อนึ่ง)หรือแคบก็ชุดละ 110 บาท









้้้
เราสั่งชุดธรรมดา เสริฟมาพร้อมกับผักนึ่งนุ่มๆ 







จานนี้สาวๆ ไ่ม่ควรพลาด ตำส้มโอ 60 บาท 
ไ่ม่ได้ใส่ตะไคร้แบบที่เคยกิน แต่รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ไม่เผ็ดเกินไป (เดี๋ยวนี้กินเผ็ดไม่ค่อยได้) มีกุ้งแก้วกรอบๆ ใส่มาให้เพียบ
เสริฟคู่มากับสายบัวและใบชะพลู

เห็นแล้วคงอยากชิมกัน จานนี้ทำเองที่บ้านง่ายๆ คลิ๊กดูวิธีทำโสะบ่าโอ ของแม่เฮือนได้ที่นี่










 ที่นี่อาหารเมืองให้เลือกหลากหลายเมนูดี
และก็มีอาหารไทยทั่วไปด้วยสำหรับคนที่กินอาหารเมืองไม่เป็น
อาหารเจสำหรับคนไม่กินเนื้อสัตว์ก็มี (ถ่ายเมนูมาให้ดูราคาคร่าวๆ )






  



บรรยากาศหน้าห้องน้ำ เห็นสวยดี










 ไปทานมื้อเย็นแนะนำให้โทรไปจองก่อนล่วงหน้า
เบอร์โทรที่ร้าน 053 247999, 053 244796
จันทร์-เสาร์ เวลา 11.00 - 24.00 น.
วันอาทิตย์ 11.00-22.00 น.

ถ้าวิ่งจากถนนเจริญราษฏร์ฝั่งในเืมืองออกมาสุดถนนซุปเปอร์
เลี้ยวซ้ายกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำปิง
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญราษฏร์อีกฝั่ง
วิ่งเข้าไปไม่ลึกให้สังเกตุซอยลังกา 3 ทางขวามือ
หน้าปากซอยจะมีป้ายร้านเด่นเป็นสง่าอยู่
เลี้ยวเข้าซอยไปประมาณ 50 เมตร ร้านอยู่ทางซ้ายมือ

...ยังไงก็ดูแผนที่เอาแล้วกัน เพราะถ้าไม่ได้เป็นคนเชียงใหม่มาเอง
ถ้าขืนให้เราอธิบายทางมากกว่านี้แล้วท่านอาจจะงงและหลงได้ 







Create Date : 10 กันยายน 2553

No comments: