3/05/2013

เพลงชินบัญชร แปล ฉบับกาพย์ยานี


เพลงชินบัญชร แปล ฉบับกาพย์ยานี





พระคาถานี้มีอนุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้ใดสวดมนต์หรือภาวนาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะ กิน เดิน นั่งนอน หรือภาวนาแม้ยามอาบน้ำ แปรงฟัน หรือทำงาน จะมีอนุภาพดังนี้ คือ

1. หากสวดมนต์อย่างน้อยวันละ 3 จบ อานุภาพจะคุ้มครองผู้นั้นไป 1 วัน กับ 1 คืน

2. เวลานั่งรถ เรือ หรือขับขี่รถ หรือเดินทาง ให้นึกภาวนาไปในใจ จะทำให้คลาดแคล้ว ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทั้งปวงได้ชงัดนักเคยพ้นมามากต่อมากแล้ว
3.ผู้สวดมนต์ พระคาถานี้เป็นประจำ จะเป็นเสน่ห์มงคลด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าท่านจะอยู่ในเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างใด ให้ภาวนาจะปลอดภัย แม้คนถูกกระทำของใส่คุณ หากเรารู้ตัวแล้วภาวนามิได้ขาด รับรองได้ว่าเขาทำอะไรเราไม่ได้เลย

4. หากภาวนาประจำมิได้ขาดเลยเรามักมีอะไรพิเศษ เช่น อาจฝันรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า หากนอนแล้วภาวนาจนกระทั่งหลับ (ในใจ) คืนนั้นจะนอนหลับสบายเป็นพิเศษ ตื่นขึ้นมาจะมีความสุขปลอดโปร่งแจ่มใสเป็นพิเศษ บางทีกลางคืนจะมีอะไรดีๆ มาสอนเราด้วย

5. ผู้ที่มีอำนาจสมาธิจิตสูง สามารถจะภาวนาพระคาถานี้ ทำน้ำมนต์รักษาโรคบางชนิด ที่แพทย์ปัจจุบันรักษาไม่หายให้หายได้

6. ใครเจ็บไข้อยู่หากมีคนอื่น (แม้มิใช่ญาติ) บนบานกล่าวว่าจะสวดมนต์ให้ร้อยเที่ยว ห้าร้อยเที่ยว หรือหนึ่งพันเที่ยว ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขามักจะหายป่วยจริงๆ (เคยทดลองมาแล้วแม้คนต่างศาสนากัน) หากผู้เจ็บป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่หากภาวนาพระคาถานี้อยู่เรื่อยๆจะทำให้เขาหายป่วยเร็วขึ้น มากจนน่าแปลกใจ

7. ผู้ประกอบอาชีพต่างๆ หากยามว่างให้ภาวนาพระคาถาบทนี้จะทำให้อาชีพดีขึ้น เช่น ค้าขายดีขึ้นแม้ปลูกพืช ปลูกผักผลผลิตจะดีขึ้นหรือรายได้ดีขึ้น เด็กๆ นักเรียนหากสวดมนต์บทนี้ได้และสวดประจำบ่อยๆ หรือทุกคืนก่อนนอน จะเรียนเก่ง จำดีอย่างแน่นอนรับรอง

8. ผู้สวดมนต์พระคาถาบทนี้เป็นประจำแล้ว ประกอบอาชีพสุจริตไปด้วย จะทำให้ลดวิบากกรรมตัวเองให้เบาลงกว่าที่จะได้รับจริง หากกุศลส่งก็จะหนุนให้กุศลส่งแรงขึ้น หากใช้ไปนานชั่วชีวิตจะประสบสุขตามกุศลแน่นอน

9. เมื่อร่วมกันสวดอธิษฐานพร้อมๆ กันหลายคน หรือเวลาเดียวกัน จะมีอานุภาพบริสุทธิ์แผ่ออกไปกว้างไพศาลมากทำให้ผู้สวดก็ดี สถานที่บริเวณก็ดี รวมไปถึงประเทศชาติจะได้เจริญ และรอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นแก่ประเทศ เราได้ ทำให้ประเทศเราเด่นดังในที่สุดได้

(อานุภาพของพระคาถายังมีอีกมาก หากทุกท่านหมั่นสวดมนต์ภาวนา ความเจริญ ความเมตตา หากินคล่องก็จะอยู่กับท่าน)

ผู้ใดได้สวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรนี้เป็นประจำอยู่สม่ำเสมอ จะทำให้เกิดความสิริมงคลสมบูรณ์พูนผล ศัตรูหมู่พาลไม่กล้ำกราย ไปทางใดย่อมเกิดเมตตามหานิยม เกิดลาภผลพูนทวี ขจัดภัยจากภูตผีปีศาจ ตลอดจนคุณไสยต่างๆ ทำน้ำมนต์รดแก้วิกลจริตแก้สรรพโรคภัยหายสิ้น เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต มีคุณานุภาพตามแต่จะปรารถนา ดังคำโบราณว่า "ฝอยท่วมหลังช้าง" จะเดินทางไปที่ใดๆ สวด 10 จบ แล้วอธิษฐานจะสำเร็จสมดังใจ 

อานุภาพพระคาถาชินบัญชร
โดย เพชรพิษณุ คัดลอกจากหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง


ความอัศจรรย์สิ่งเร้นลับและอานุภาพต่างนี้ๆบางท่านก็ได้ประสบพบเห็นมากับตัวเอง และจากปากของผู้อื่น จะเป็นอานุภาพของพระเครื่องก็ดี พระคาถาต่างๆก็ดี บางครั้งบางคราวเราท่านก็ยากแก่การจะพิสูจน์ได้โดยง่ายและทันต่อเวลาเหมือนวิชาของวิทยาศาสตร์ นอกเสียจากว่าจะประสบพบมาเท่านั้น

จะว่ากันไปแล้วไสยศาสตร์ก็เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง ซึ่งคล้ายๆอานุภาพต่างๆ และพลังจิต บางท่านก็เชื่ออย่างงมงาย บางท่านก็ไม่เชื่อ ข้าพเจ้าผู้เขียนก็เหมือนกัน ไม่เคยเชื่อเรื่องอย่างงี้มาก่อนเลย จนได้ประสบมากับตัวจึงมีความศรัทธาขึ้นมาทีละน้อย และเรื่องที่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปนี้ ข้าพเจ้าขอรับรองว่าเป็นเรื่องที่ประสบมา

ในต้นปีพุทธศักราช 2523 ตอนนั้นข้าพเจ้ากำลังจะปลดประจำการ เนื่องจากได้รับใช้ประเทศชาติมาจนครบ 2 ปี ตาม พ.ร.บ. การเป็นทหาร และบังเอิญในปีนั้นข้าพเจ้าก็ได้สอบเพื่อที่จะบรรจุเป็นข้าราชการประจำไว้ และสอบได้

พอพ้นจากเกณฑ์ข้าพเจ้าก็ได้รับการบรรจุประจำการอยู่ในกองทัพแห่งหนึ่ง และในกองทัพนี้ระเบียบวินัยก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเพราะเป็นหน่วยรบ ประกอบกับ ผบ.ท่านเป็นคนฝักใฝ่ในธรรมปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

กล่าวคือ ทุกเช้าที่รวมพลท่านจะแจกธรรมะถ้ามีเวลาพร้อมทั้งสวดมนต์ทำสมาธิ และท่านมักจะแจกพระคาถาดีๆอยู่เสมอ สุดแท้แต่ผู้ใดจะจดจำเอาและแถมมีรางวัลให้ทุกครั้งไป

อยู่มาวันหนึ่ง ท่านก็เอาพระคาถาชินบัญชร ของหลวงพ่อพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) มาแจกพร้อมกับตั้งรางวัลไว้ให้อย่างงามคือถ้าผู้ใดสามารถท่องบ่นจนจำขึ้นใจได้ภายใน 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน จะมีรางวัลแจกตามลำดับ ให้มารับรางวัลได้ทุกคน

พระคาถานี้ก็ใช่ว่าจะจำกันได้ง่ายๆ เพราะมีความยาวและท่องยาก เนื่องจากเป็นภาษาบาลี ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อข้าพเจ้ามาก เพราะก่อนนี้ข้าพเจ้าไม่เคยสนใจเรื่องพระคาถาอาคมอะไรใดๆทั้งสิ้น อันนี้ก็หวังเพียงอยากจะได้รางวัลเท่านั้น ไม่ได้หวังที่จะเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นเลย ข้าพเจ้าก็ลองเอาไปท่องดู (เล่นๆ)

ปรากฏว่า ไม่ถึงเดือนข้าพเจ้าก็สามารถท่องและจำได้จนขึ้นใจ จะเป็นด้วยบุญบารมีเก่าหรืออะไรก็สุดจะเดา พอแน่ใจว่าจำได้แน่แล้วข้าพเจ้าก็ได้ท่องให้ ผบ.ท่านฟัง ท่านพอใจและได้มอบรางวัลให้ตามสัญญา ข้าพเจ้าได้รับรางวัลเป็นคนแรกของกองพัน

ข้าพเจ้าเลยคิดเล่นๆว่า คงเป็นเพราะอานุภาพของพระคาถาชินบัญชรแน่ๆ เพียงแต่ท่องจำได้ยังทำให้ได้รับรางวัล ข้าพเจ้าเลยท่องบ่นอยู่ทุกๆวันตั้งแต่นั้นมา เพราะคิดว่าคงจะเป็นของดีมีประโยชน์เป็นแน่

กล่าวกันว่าพระคาถาชินบัญชรนี้มีอานุภาพมากมายเหลือจะพรรณา สุดแล้วแต่ท่านผู้ใดจะนึกคิดใช้ในคราวจำเป็นโดยให้ระลึกถึงเจ้าของพระคาถา และอานุภาพก็เริ่มฉายชัดขึ้นมาอีกครั้งคือ ในคืนวันหนึ่งต้นฤดูฝน ข้าพเจ้าและ ผบ.ร้อยพร้อมคนขับรถได้นั่งรถจี๊ปเล็กออกไปธุระที่นอกหน่วย ข้าพเจ้านั่งข้างหลัง ผบ.ร้อยนั่งข้างหน้าคู่คนขับ

พอออกมาจากหน่วยได้ไม่เท่าไร ฝนก็เริ่มเทลงมาทันที อย่างหนัก จนทำให้มองไม่เห็นถนนหนทางในระยะไกลได้และถนนก็ลื่นเพราะเป็นฝนต้นปี

ในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็เลยเอาพระคาถาชินบัญชรมาท่องเพื่อแก้เซ็ง พอท่องกำลังเพลินๆ ก็ปรากฏสิ่งไม่คาดฝันได้บังเกิดขึ้น

สิ่งนั้นก็คือได้มีรถสิบล้อพุ่งชนข้างหลังรถจี๊บอย่างแรงจนทำให้รถจี๊ปกระเด็นไปหลายเมตร ท่านผู้อ่านลองหลับตานึกถึงสภาพรถว่าจะเป็นสภาพเช่นไร เหมือนช้างชนหมู

ข้าพเจ้ายังคงนั่งงงอยู่บนรถ ส่วนคนขับและผบ.ร้อยหลุดกระเด็นตกจากรถทั้งคู่ไม่รู้ว่าไปกันได้อย่างไร พอข้าพเจ้าหายงง ก็ลงจากรถช่วยพยุง ผบ.ร้อยและคนขับรถส่งโรงพยาบาล ส่วนข้าพเจ้าไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใดเลย

ผบ.ร้อยและคนขับรถนั้นต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเกือบเดือน ซึ่งสภาพตามความเป็นจริงแล้วข้าพเจ้านั่งอยู่ข้างหลัง แล้วรถชนข้างหลัง อันตรายย่อมมีจะมีมากกว่าคนที่อยู่ข้างหน้า อย่างแน่นอนแต่กลับตรงกันข้าม คนนั่งข้างหน้ากลับได้รับอันตรายมาก

ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้มั่นใจเรื่องอานุภาพของพระคาถาชินบัญชรหรอก เพราะคิดว่าอาจจะเป็นการบังเอิญมากกว่า

จนกระทั่งวันหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติการพิเศษที่เขาค้อ อยู่ได้เดือนเศษๆ ผู้บังคับบัญชาท่านจะออกไปทำธุระที่ตัวจังหวัด ระหว่างทางลงจากเขาค้อถึงตัวจังหวัดก็ไม่ไกลนัก แต่เนื่องจากถนนหนทางในสมัยนั้นเป็นป่าทึบต้องขึ้นเขาลงห้วยเสื่ยงอันตรายต่างๆนานัปการ

พอส่งตัวผู้บังคับบัญชาที่ตัวจังหวัดแล้ว ท่านก็ให้ข้าพเจ้าเอารถกลับขึ้นฐานปฏิบัติการที่เขาค้อเพียงลำพังคนเดียวในช่วงบ่ายของปลายเดือนมิถุนายนของวันนั้น อยู่ๆฝนก็ได้ตกลงมาอย่างลืมหูลืมตา ไม่ขึ้นประกอบกับสภาพภูมิประเทศ จึงทำให้อากาศมืดครึ้ม เพราะปรกติอากาศบนเขาค้อจะหนาวเย็นหมอกหนาอยู่ตลอดเวลา บางวันจะไม่มีโอกาสได้เห็น แสงตะวันเลย

ข้าพเจ้าก็พยายามบังคับรถด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่อุบัติเหตุย่อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ประกอบกับข้าพเจ้าไม่ชำนาญ เส้นทางก็เป็นได้ คือไม่ว่าจะใช้ความพยายามสักเท่าไร รถก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิดเสียแล้ว รถส่ายไปส่ายมาเหมือนงูอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดความพยายามก็สิ้นสุดลง คือรถได้แหกโค้งและดิ่งลงเหวข้างทางลึกมาก

ก่อนที่ข้าพเจ้าจะหมดสติไปนั้น ข้าพเจ้าก็ได้ระลึกถึงพระคาถาชินบัญชรเป็นอันดับแรก และสิ้นสุดลงในเวลานั้น

ในความรู้สึกของข้าพเจ้าในขณะนั้น เหมือนกำลังฝันไปแต่ก็เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น ในความสลัวและกำลังมึนงงอยู่นั้นก็ได้มีภิกษุแก่ๆรูปหนึ่ง ท่านได้มาฉุดมือของข้าพเจ้าให้ลุกขึ้นและท่านก็ได้พูดว่า "ลุกขึ้นเถอะลูก ตอนนี้ลูกปลอดภัยแล้วไม่ต้องกลัว"

ข้าพเจ้ารีบลุกขึ้นและมองไปรอบๆบริเวณนั้น แต่ไม่ปรากฏว่าจะพบผู้คนหรือพระภิกษุแก่ๆเลย ทำให้ข้าพเจ้าขนลุกซู่ไปทั้งตัว

และในเวลานั้นข้าพเจ้าก็ได้นึกถึงพระคาถาชินบัญชร ขึ้นมาได้ว่า ตอนที่ข้าพเจ้าจะหมดสติไป ข้าพเจ้าก็ได้นึกถึงพระคาถาชินบัญชร หลวงพ่อพุฒาจารย์โต (โต พรหมรังษี) ท่านคงจะมาช่วยลูกอย่างแน่แท้

(ในขณะนั้นข้าพเจ้าไม่รู้ว่า หลวงพ่อพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) ท่านมีรูปลักษณะเช่นไร แต่พอเรื่องที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าได้ผ่านไปแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้เห็นรูปถ่ายของท่าน ซึ่งก็เหมือนในนิมิตของข้าพเจ้าไม่มีผิดเลย)

พอรู้สึกตัวอีกครั้งก็ปรากฏว่าอากาศบริเวณนั้นกำลังจะมืดมิด ไม่ทราบว่าข้าพเจ้าได้หมดสติไปนานเท่าไร ข้าพเจ้าตรวจดูสิ่งของต่างๆ ทุกอย่างอยู่ในสภาพดีพร้อมที่จะใช้งานได้ (นอกจากรถที่อยู่ก้นเหว)

ดูตามร่างกายส่วนต่างๆ ก็อยู่ในสภาพปรกติ ไม่ทราบเหมือนกันว่าข้าพเจ้าได้กระเด็นออกจากรถตั้งแต่เมื่อไร วิทยุติดต่อทางบก.ก็ติดต่อไม่ได้เลย เพราะว่าอยู่ในเหวลึกและระยะไกลเกิน

ข้าพเจ้าเลยอธิษฐานจิตกับหลวงพ่อพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) ว่าหากว่าท่านพ่อช่วยลูกจริงๆ แล้วละก็ ขอให้ลูกได้พบกับหน่วยใดหน่วยหนึ่งที่ใกล้ที่สุดแล้วจะได้ติดต่อทางหน่วยต้นสังกัด

ในความรู้สึกของข้าพเจ้าในตอนนั้น กำลังจะมึดมนหมดหนทางที่จะกลับฐานได้อย่างแน่นอน ก็เหลือเพียงหนทางเดียวเท่านั้น ก็ลองเสี่ยงดู พออธิษฐานจิตเสร็จข้าพเจ้าก็ท่องพระคาถาชินบัญชร ไปตลอดทาง ในระหว่างทางที่ข้าพเจ้ากำลังเดินลัดเลาะขึ้นเขาลงห้วยอยู่นั้น ก็คล้ายกับว่าข้าพเจ้ากำลังเดินกับเพื่อนๆ อีกตั้งหลายคน รู้สึกมีความอบอุ่นขึ้นจนทำให้ลืมเหตุการณ์ไปชั่วขณะหนึ่ง

และในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้พบกับหน่วยทหารหน่วยหนึ่งที่กลับจากปฏบัติภารกิจผ่านมา ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มปีติเป็นอย่างมาก ข้าพเจ้าก็ได้อาศัยทหารหน่วยนั้นกลับที่ตั้งฐานอย่างปลอดภัย

นี่ถ้าไม่ได้อานุภาพของพระคาถาชินบัญชรในครั้งนี้ป่านนี้ไม่รู้ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ในสภาพเช่นไร?

http://bondsnet.dyndns.org/chinnabunchon.txt

No comments: