11/27/2012

Happy Full Moon Festival,Loy Krathong

,

11/19/2012

เมื่อดูเขา คุณอาจกลั้นน้ำตาไม่อยู่




AutoGenic สัญจร เชียงใหม่

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น.

สถานที่ โรงแรมบีพี เชียงใหม่ ซิตี้ (ใกล้วัดพระสิงห์)

คุณเคยกลัวว่าตัวเองจะไม่ประสบความสำเร์จในชีวิตมั้ย?
คุณจิตนาการภาพความสำเร็จของคุณไม่ออกใช่รึเปล่า?
คุณกำลังลังเลไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสำเร็จเหมือนคนอื่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มั้ย?
คุณกำลังรู้สึกว่าคุณไม่เก่งเหมือนคนอื่น...
คุณคิดว่าการหาคนที่คิดเหมือนคุณ มีเป้าหมายใหญ่เหมือนคุณมันช่างยากเย็น...

ขจัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไปฃะด้วย Autogenic Training

นี่คือคำตอบ...ของความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง

"สุดยอดยอดคอร์สการโปรแกรมจิตแบบที่คนสำเร็จทุกคนรู้ แต่ไม่เคยบอก"

อบรม วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น
รวมค่าอาหาร 2 มื้อ คอฟฟี่เบรก ๅ เบรก

คอร์สมูลค่ามากกว่า 5000 บาท ในราคาพิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้ว
ในราคาเพียงท่านละ 1000 บาท เท่านั้น

ปล สำหรับเด็กตั้งแต่ 12-15 ปี ราคาพิเศษ 800 บาท/ท่าน

ด่วนจำนวนจำกัดแค่ 100 ท่านแรกเท่านั้น

โทร คุณพิมพ์สิริ 083 018 9430  คุณธนพนธ์ 090 798 3374


เจาะใจ : ความลับจิตใต้สำนึก 2 19/5/54 [Part 2]

เจาะใจ : ความลับจิตใต้สำนึก 2 19/5/54 [Part 2]
..............................................

Autogenic สัญจร เชียงใหม่ วัน อาทิตย์ ที่ 2 ธันวาคม 2555



AutoGenic สัญจร เชียงใหม่

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น.

สถานที่ โรงแรมบีพี เชียงใหม่ ซิตี้ (ใกล้วัดพระสิงห์)

คุณเคยกลัวว่าตัวเองจะไม่ประสบความสำเร์จในชีวิตมั้ย?
คุณจิตนาการภาพความสำเร็จของคุณไม่ออกใช่รึเปล่า?
คุณกำลังลังเลไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสำเร็จเหมือนคนอื่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มั้ย?
คุณกำลังรู้สึกว่าคุณไม่เก่งเหมือนคนอื่น...
คุณคิดว่าการหาคนที่คิดเหมือนคุณ มีเป้าหมายใหญ่เหมือนคุณมันช่างยากเย็น...

ขจัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไปฃะด้วย Autogenic Training

นี่คือคำตอบ...ของความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง

"สุดยอดยอดคอร์สการโปรแกรมจิตแบบที่คนสำเร็จทุกคนรู้ แต่ไม่เคยบอก"

อบรม วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น
รวมค่าอาหาร 2 มื้อ คอฟฟี่เบรก ๅ เบรก

คอร์สมูลค่ามากกว่า 5000 บาท ในราคาพิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้ว
ในราคาเพียงท่านละ 1000 บาท เท่านั้น

ปล สำหรับเด็กตั้งแต่ 12-15 ปี ราคาพิเศษ 800 บาท/ท่าน

ด่วนจำนวนจำกัดแค่ 100 ท่านแรกเท่านั้น

โทร คุณพิมพ์สิริ 083 018 9430  คุณธนพนธ์ 090 798 3374

ฐิตินาถ ณ พัทลุง เข็มทิศจิตใต้สำนึก



เจาะใจ ตอนเข็มทิศจิตใต้สำนึก ๑




..............................................

Autogenic สัญจร เชียงใหม่ วัน อาทิตย์ ที่ 2 ธันวาคม 2555



AutoGenic สัญจร เชียงใหม่

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น.

สถานที่ โรงแรมบีพี เชียงใหม่ ซิตี้ (ใกล้วัดพระสิงห์)

คุณเคยกลัวว่าตัวเองจะไม่ประสบความสำเร์จในชีวิตมั้ย?
คุณจิตนาการภาพความสำเร็จของคุณไม่ออกใช่รึเปล่า?
คุณกำลังลังเลไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสำเร็จเหมือนคนอื่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มั้ย?
คุณกำลังรู้สึกว่าคุณไม่เก่งเหมือนคนอื่น...
คุณคิดว่าการหาคนที่คิดเหมือนคุณ มีเป้าหมายใหญ่เหมือนคุณมันช่างยากเย็น...

ขจัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไปฃะด้วย Autogenic Training

นี่คือคำตอบ...ของความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง

"สุดยอดยอดคอร์สการโปรแกรมจิตแบบที่คนสำเร็จทุกคนรู้ แต่ไม่เคยบอก"

อบรม วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น
รวมค่าอาหาร 2 มื้อ คอฟฟี่เบรก ๅ เบรก

คอร์สมูลค่ามากกว่า 5000 บาท ในราคาพิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้ว
ในราคาเพียงท่านละ 1000 บาท เท่านั้น

ปล สำหรับเด็กตั้งแต่ 12-15 ปี ราคาพิเศษ 800 บาท/ท่าน

ด่วนจำนวนจำกัดแค่ 100 ท่านแรกเท่านั้น

โทร คุณพิมพ์สิริ 083 018 9430  คุณธนพนธ์ 090 798 3374

มหัศจรรย์พลังจิตใต้สำนึก


พลังจิตใต้สำนึด จาก Jarinya Boonmark


AutoGenic สัญจร เชียงใหม่

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น.

สถานที่ โรงแรมบีพี เชียงใหม่ ซิตี้ (ใกล้วัดพระสิงห์)

คุณเคยกลัวว่าตัวเองจะไม่ประสบความสำเร์จในชีวิตมั้ย?
คุณจิตนาการภาพความสำเร็จของคุณไม่ออกใช่รึเปล่า?
คุณกำลังลังเลไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสำเร็จเหมือนคนอื่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มั้ย?
คุณกำลังรู้สึกว่าคุณไม่เก่งเหมือนคนอื่น...
คุณคิดว่าการหาคนที่คิดเหมือนคุณ มีเป้าหมายใหญ่เหมือนคุณมันช่างยากเย็น...

ขจัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไปฃะด้วย Autogenic Training

นี่คือคำตอบ...ของความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง

"สุดยอดยอดคอร์สการโปรแกรมจิตแบบที่คนสำเร็จทุกคนรู้ แต่ไม่เคยบอก"

อบรม วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น
รวมค่าอาหาร 2 มื้อ คอฟฟี่เบรก ๅ เบรก

คอร์สมูลค่ามากกว่า 5000 บาท ในราคาพิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้ว
ในราคาเพียงท่านละ 1000 บาท เท่านั้น

ปล สำหรับเด็กตั้งแต่ 12-15 ปี ราคาพิเศษ 800 บาท/ท่าน

ด่วนจำนวนจำกัดแค่ 100 ท่านแรกเท่านั้น

โทร คุณพิมพ์สิริ 083 018 9430  คุณธนพนธ์ 090 798 3374


สัมผัสอากาศหนาวเย็นที่เชียงใหม่กับ AutoGenic สัญจร 2 ธันวา 2555



AutoGenic สัญจร เชียงใหม่

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น.

สถานที่ โรงแรมบีพี เชียงใหม่ ซิตี้ (ใกล้วัดพระสิงห์)

คุณเคยกลัวว่าตัวเองจะไม่ประสบความสำเร์จในชีวิตมั้ย?
คุณจิตนาการภาพความสำเร็จของคุณไม่ออกใช่รึเปล่า?
คุณกำลังลังเลไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสำเร็จเหมือนคนอื่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มั้ย?
คุณกำลังรู้สึกว่าคุณไม่เก่งเหมือนคนอื่น...
คุณคิดว่าการหาคนที่คิดเหมือนคุณ มีเป้าหมายใหญ่เหมือนคุณมันช่างยากเย็น...

ขจัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไปฃะด้วย Autogenic Training

นี่คือคำตอบ...ของความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง

"สุดยอดยอดคอร์สการโปรแกรมจิตแบบที่คนสำเร็จทุกคนรู้ แต่ไม่เคยบอก"

อบรม วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น
รวมค่าอาหาร 2 มื้อ คอฟฟี่เบรก ๅ เบรก

คอร์สมูลค่ามากกว่า 5000 บาท ในราคาพิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้ว
ในราคาเพียงท่านละ 1000 บาท เท่านั้น

ปล สำหรับเด็กตั้งแต่ 12-15 ปี ราคาพิเศษ 800 บาท/ท่าน

ด่วนจำนวนจำกัดแค่ 100 ท่านแรกเท่านั้น

โทร คุณพิมพ์สิริ 083 018 9430  คุณธนพนธ์ 090 798 3374

AutoGenic Program ตัดดินสอด้วยกระดาษทิชชู




AutoGenic สัญจร เชียงใหม่

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น.

สถานที่ โรงแรมบีพี เชียงใหม่ ซิตี้ (ใกล้วัดพระสิงห์)

คุณเคยกลัวว่าตัวเองจะไม่ประสบความสำเร์จในชีวิตมั้ย?
คุณจิตนาการภาพความสำเร็จของคุณไม่ออกใช่รึเปล่า?
คุณกำลังลังเลไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสำเร็จเหมือนคนอื่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มั้ย?
คุณกำลังรู้สึกว่าคุณไม่เก่งเหมือนคนอื่น...
คุณคิดว่าการหาคนที่คิดเหมือนคุณ มีเป้าหมายใหญ่เหมือนคุณมันช่างยากเย็น...

ขจัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไปฃะด้วย Autogenic Training

นี่คือคำตอบ...ของความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง

"สุดยอดยอดคอร์สการโปรแกรมจิตแบบที่คนสำเร็จทุกคนรู้ แต่ไม่เคยบอก"

อบรม วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น
รวมค่าอาหาร 2 มื้อ คอฟฟี่เบรก ๅ เบรก

คอร์สมูลค่ามากกว่า 5000 บาท ในราคาพิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้ว
ในราคาเพียงท่านละ 1000 บาท เท่านั้น

ปล สำหรับเด็กตั้งแต่ 12-15 ปี ราคาพิเศษ 800 บาท/ท่าน

ด่วนจำนวนจำกัดแค่ 100 ท่านแรกเท่านั้น

โทร คุณพิมพ์สิริ 083 018 9430  คุณธนพนธ์ 090 798 3374

AutoGenic สัญจรที่ เชียงใหม่ 2 ธันวาคม 2555


AutoGenic สัญจร เชียงใหม่

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น.

สถานที่ โรงแรมบีพี เชียงใหม่ ซิตี้ (ใกล้วัดพระสิงห์)

คุณเคยกลัวว่าตัวเองจะไม่ประสบความสำเร์จในชีวิตมั้ย?
คุณจิตนาการภาพความสำเร็จของคุณไม่ออกใช่รึเปล่า?
คุณกำลังลังเลไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสำเร็จเหมือนคนอื่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มั้ย?
คุณกำลังรู้สึกว่าคุณไม่เก่งเหมือนคนอื่น...
คุณคิดว่าการหาคนที่คิดเหมือนคุณ มีเป้าหมายใหญ่เหมือนคุณมันช่างยากเย็น...

ขจัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไปฃะด้วย Autogenic Training

นี่คือคำตอบ...ของความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง

"สุดยอดยอดคอร์สการโปรแกรมจิตแบบที่คนสำเร็จทุกคนรู้ แต่ไม่เคยบอก"

อบรม วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555 เวลา 09.00-23.00 น
รวมค่าอาหาร 2 มื้อ คอฟฟี่เบรก ๅ เบรก

คอร์สมูลค่ามากกว่า 5000 บาท ในราคาพิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้ว
ในราคาเพียงท่านละ 1000 บาท เท่านั้น

ปล สำหรับเด็กตั้งแต่ 12-15 ปี ราคาพิเศษ 800 บาท/ท่าน

ด่วนจำนวนจำกัดแค่ 100 ท่านแรกเท่านั้น

โทร คุณพิมพ์สิริ 083 018 9430  คุณธนพนธ์ 090 798 3374


AUTOGENIC TRAINING
โดย..รศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล  

AUTOGENIC TRAINING เป็นศาสตร์ซึ่งประยุกต์มาจากหลักการสะกดจิตซึ่ง Dr.Schultz ได้พัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1932 และเป็นที่นิยมแพร่หลายในยุโรปมากกว่า 50 ปี ในปัจจุบันได้มีการนำมาดัดแปลงเพื่อทำให้ประสิทธิภาพในการนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้ดีขึ้น จากการประเมินผลและการศึกษาวิจัยของสถาบันเพื่อการพัฒนาจิตและกายพบว่า AUTOGENIC

TRAINING เมื่อใช้ควบคู่หลักการสมาธิและการพัฒนาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงจะมีประโยชน์ในกรณีต่างๆ ดังต่อไปนี้คือ

1. ทำให้สมาธิและความจำดีขึ้น
2. เพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง
3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
4. ช่วยทำให้คุณภาพชีวิตในภาพรวมดีขึ้น
5. ช่วยระงับอารมณ์เศร้าโศกเสียใจจากการสูญเสียสิ่งที่รัก
6. เพิ่มแรงจูงใจและความกระตือรือร้น
7. แก้ปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ
8. ช่วยบรรเทาอาการปวด
9. ขจัดความวิตกกังวลและความรู้สึกซึมเศร้า
10. บรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน และอาการปวดเรื้อรังต่างๆ
11. บรรเทาอาการภูมิแพ้
12. ขจัดนิสัยที่ไม่ดีออกไป
13. เลิกบุหรี่
14. ควบคุมน้ำหนักตัว
15. เป็นคนอารมณ์ดีอยู่เสมอ สดชื่นแจ่มใส และสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลให้กับจิตใต้สำนึกได้ด้วยตนเอง

การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ AUTOGENIC TRAINING
      ในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ AUTOGENIC TRAINING ได้มีการคิดขบวนการโดยหลายขบวนการดังต่อไปนี้

1. การศึกษาคลื่นสมอง และ IMAGING TECHNIQUES
     การตรวจวัดคลื่นสมองหรือที่เรียกว่า EEG (Electroencephalogram) ได้มีการนำมาใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่จิตอยู่ในภวังค์ (trance) และถูกสะกดจิต (hypnosis) หลักของ EEG เครื่องวัดความแตกต่างในศักยภาพของกระแสไฟฟ้า (potential differences) ในบริเวณหนังศีรษะซึ่งเกิดจากการไหลเวียนของกระแสไฟฟ้าในสมอง โดยใช้ช่วงอิเล็คโทรนิคในบริเวณหนังศีรษะ และสามารใช้บันทึกสภาวะทางจิตใจได้ว่าอยู่ในภาวะตื่นตัวหรือหลับ และกำหนดช่วงความถี่ของคลื่นตามอักษรกรีกเป็น alpha, beta, delta และ theta ในภาวะที่จิตอยู่ในภวังค์หรือถูกคลื่นสมองจะอยู่ในช่วง alpha waves หรือ theta waves ซึ่งจะบ่งบอกถึงภาวะที่ผ่อนคลายมากกว่าในช่วงของการนอนหลับปกติ กล้ามเนื้อจะมีการผ่อนคลายอย่างเต็มที่ และการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติจะมีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งการทำงานของระบบประสาทซิมพาเทติกและพาราซิมพาเทติกจะทำงานกันอย่างสมดุลย์

     ในระยะหลังได้มีการนำเอาเทคนิค MAGNETIC RESONANCE IMAGING (MRI) และ POSITRON EMISSION TOMOGRAPHY (PET) scans มาใช้ในการวัดการเผาผลาญพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีของเซลล์สมอง ผลการวิจัยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ในช่วงที่จิตอยู่ในภวังค์จะมีการลดการทำงานของสมองซีกซ้ายในขณะที่การทำงานของสมองซีกขวาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งก็ตรงกับข้อมูลที่มีการเสนอแนะว่าการทำงานของจิตสำนึกเกี่ยวกับสมองซีกซ้าย
และจิตใต้สำนึกเกี่ยวกับสมองซีกขวา ดังนั้นการที่จะสื่อกับจิตใต้สำนึกต้องกระทำในขณะที่จิตสำนึกทำงานน้อยลงก่อน นอกจากนั้นยังพบว่าสมองส่วน LIMBIC SYSTEM ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์จะถูกกระตุ้นให้ทำงานมากขึ้นในภาวะการสะกดจิต และเป็นข้อยืนยันว่าจะทำให้เข้าใจถึงสภาวะทางอารมณ์ได้อย่างชัดเจนขึ้นเมื่อจิตอยู่ในภวังค์ สิ่งที่น่าสนใจคือการทำงานของสมองในหลายช่วงไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการมองเห็น การได้ยิน และการวาดจินตนาการจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นด้วย

2. การศึกษาด้าน PSYCHONEURO IMMUNOLOGY
     ในการศึกษาการทำงานของสมองและระบบภูมิคุ้มกันโรคพบว่า การทำ autogenic training จะมีการกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T cells มีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อโรค และเซลล์มะเร็งมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลต่อ hypothalamus ต่อมใต้สมองและการทำงานของต่อมไร้ท่อชนิดต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพขึ้น ซึ่งจะเป็นผลให้ประสิทธิภาพในด้านสุขภาพมากมายหลายประการ

3. การศึกษาด้าน ENERGY MEDICINE
     ENERGY MEDICINE เป็นการศึกษาวิจัยที่ว่าด้วยปรากฎการณ์พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่จีนเรียกว่าชี่ และการแพทย์แผนไทยและอินเดียเรียกว่าพลังปราณ ซึ่งพลังดังกล่าวเกิดจากการสั่นสะเทือนของอิเล็คตรอน รอบนิวเคลียร์ของอะตอม ในปัจจุบันเทคนิคภาพถ่ายออร่า KERLIAN PHOTOGRAPHY ทำให้สามารถถ่ายภาพออร่าของมนุษย์ได้ และเมื่อเปรียบเทียบก่อน และหลังการฝึก autogenic training จะพบว่าพลังออร่าเรียงเป็นระเบียบและมีพลังงานมากขึ้น

ขั้นตอนในการฝึก AUTOGENIC TRAINING
     การฝึก AUTOGENIC TRAINING จะมีขั้นตอนตามแนวทางการสะกดจิตเพียงแต่ผู้ฝึกจะเป็นผู้กำหนดให้ให้เกิดสภาวะต่าง ๆ ด้วยตนเอง และไม่ต้องให้ผู้อื่นมาทำหน้าที่สะกดจิตตน

1. การชักนำ (INDUCTION)
     ขั้นตอนนี้เป็นขบวนการทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย โดย RELAXATION TECHNIQUES อาทิเช่น การฝึกการหายใจอย่างถูกวิธี การผ่อนคลายกล้ามเนื้อเป็นขั้นตอน (PROGRESSIVE MUSCLE RELAXATION)

2. ทำให้จิตอยู่ในภวังค์ (Trance)
     ในขั้นตอนนี้จะเป็นช่วงที่สมองอยู่ในช่วงคลื่น ALPHA WAVE และจะอาศัยขบวนการวาดจินตนาการ (VISUALIZATION) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวาดภาพการลงจากที่สูง เช่น จาก ลิฟท์ขั้นที่ 20 และ ค่อย ๆ ลงต่อจนถึงชั้นล่างสุด ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้จิตอยู่ในภวังค์ได้ง่าย

3. การป้อนโปรแกรมจิตใต้สำนึก (POST-HYPNOTIC SUGGESTIONS)
     ในขึ้นตอนนี้ผู้ฝึกจะสามารถป้อนโปรแกรมให้จิตใต้สำนึกทำงาน เพื่อพัฒนาตนเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งหากกระทำได้อย่างเหมาะสมจะสามารถพัฒนาตนเองได้ภายในช่วงระยะเวลา 21-28 วัน

4. การยุติโปรแกรม (TERMINATION)
     เมื่อจะเลิกโปรแกรม AUTOGENIC TRAINING จะเริ่มต้นด้วยการนับเลขย้อนกลับ โดยนับจาก 1 – 10 และทำให้ร่างกายทุกส่วนตื่นตัว ซึ่งเมื่อสิ้นสุดโปรแกรมจะมีความรู้สึกสดชื่นแข็งแรงโดยทันที
คำถามเกี่ยวกับ AUTOGENIC TRAINING
     เนื่องจากขบวนการ AUTOGENIC TRAINING เป็นขบวนการสะกดจิตตนเองจึงมักจะมีคำถามบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งต่อไปนี้จะได้รวบรวมคำถามที่วิทยากรของสถาบันฯ มักจะถูกถามอยู่เสมอ

คำถามที่ 1 การฝึก AUTOGENIC TRAINING มีอันตรายหรือไม่ ?

     การสะกดจิตตนเองโดยอาศัยวิธี AUTOGENIC TRAINING เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูงมากขึ้นทั้งนี้เพราะจะใช้กลไกที่ปกติร่างกายจะมีเกิดขึ้นอยู่แล้ว ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าในการที่จะฝึกได้ผล สมองจะต้องอยู่ภายใต้การทำงานในระดับคลื่นอัลฟ่า ซึ่งภาวะนี้จะเกิดขึ้นเป็นปกติเมื่อเรานอนหลับทุกวันและในยามที่ฝันกลางวัน ในขบวนการฝึกในหลักสูตรกลยุทธสู่ความสุข ความสำเร็จ ทางสถาบันฯ ยังได้ใช้เครื่อง MIND MONITOR คอยประเมินว่า ผู้รับการอบรมจะเกิด
สัมฤทธิ์ในการฝึกหรือไม่และวิทยากรจะคอยให้คำแนะนำเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมทุกคนปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ในภาวะของการสะกดจิตตนเองจะไม่มีผู้ใดที่ประสงค์จะกระทำในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการนอกจากนี้ขบวนการ AUTOGENIC TRAINING ยังเป็นศาสตร์ที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายและมีผู้เคยผ่านการอบรมในลักษณะเช่นนี้มาแล้วหลายล้านคนทั่วโลก จึงเป็นการยืนยันถึงความปลอดภัยได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

คำถามที่ 2 การฝึก AUTOGENIC TRAINING ด้วยตนเองจะมีประสิทธิภาพเหมือนกับถูกสะกดจิตโดยบุคคลอื่นหรือไม่ ?

     การฝึก AUTOGENIC TRAINING จะมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการถูกสะกดจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ถึงแม้ว่าการถูกสะกดจิตโดยผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงในบางกรณีอาจจะได้ผลดีกว่า แต่พึงระลึกไว้ด้วยว่าการปล่อยให้ถูกสะกดจิตโดยบุคคลอื่นที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงอาจก่อให้เกิดอันตรายและผลข้างเคียงได้ นอกจากนี้การฝึก
AUTOGENIC TRAINING ด้วยตนเองยังสามารถฝึกปฏิบัติได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น และยังไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่นักวิชาชีพสะกดจิตในบางครั้ง

คำถามที่ 3 การฝึก AUTOGENIC TRAINING เป็นประจำจะทำให้เป็นคนที่ถูกชักจูงได้ง่ายจริงหรือไม่ ?

     เนื่องจากการฝึก AUTOGENIC TRAINING เป็นการตอบสนองต่อการชักนำของตนเอง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตนเองที่จะเรียนรู้การควบคุมตนเองให้อยู่ในทิศทางที่ถูกต้องในขณะเดียวกันยังจะช่วยให้มีแรงต้านที่จะถูกผู้อื่นชักจูงไปในทิศทางที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านการอบรมหลักสูตรนี้แล้วผู้เข้ารับการอบรมควรจะต้องมีความสนใจและรักที่จะฝึกต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอวันละอย่างน้อย 2-3 ครั้ง โดยใช้เวลาเพียงครั้งละประมาณ 5 นาทีเท่านั้น

คำถามที่ 4 ในช่วงฝึก AUTOGENIC TRAINING จะหมดสติหรือไม่ ?

     ในช่วงฝึกปฏิบัติแม้ว่าบางคนดูเสมือนว่าจะหลับไป แต่อันที่จริงแล้วยังมีสำนึกรับรู้อยู่ และจิตใต้สำนึกยังทำงานได้โดยอัตโนมัติ เช่นเดียวกับเวลาที่เราขับรถจิตใต้สำนึกจะคอยสั่งการให้เราถือพวงมาลัยเหยียบคันเร่งหรือเหยียบเบรคตามเส้นทางของถนนอย่างเหมาะสม

คำถามที่ 5 จะมีโอกาสไหมที่ภายหลังการเสร็จสิ้นการฝึกแล้วจะไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ ?

     เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้ใดถูกสะกดจิตให้หลับต่อเนื่องไปโดยตลอด เราต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะเข้าสู่ภวังค์หรือทำให้สมองอยู่ในระดับ อัลฟ่า แต่เป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะปล่อยให้ภาวะจิตกลับมาสู่ระดับปกติ อย่างมากที่สุดในบางคนอาจจะทำให้เกิดภาวะที่สู่การนอนหลับปกติและในที่สุดก็จะตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับเช่นเดียวกัน

คำถามที่ 6 ผู้ที่ฝึก AUTOGENIC TRAINING จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ?

     จากประสบการณ์การฝึกอบรมของวิทยากรพบว่าทุกคนที่ผ่านการฝึกอบรม AUTOGENIC TRAINING จะสามารถสื่อกับจิตใต้สำนึกได้ ซึ่งเครื่องมือ MIND MONITOR จะช่วยในการประเมินว่าผู้เข้ารับการอบรมจะสามารถฝึกจิตได้ประสบความสำเร็จหรือไม่ โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่าทุกคนภายใต้การควบคุมของวิทยากรจะประสบความสำเร็จได้ เพียงแต่บางคนจะ
ได้ผลเร็วหรือช้าต่างกันเท่านั้น

คำถามที่ 7 การสะกดจิตตนเองและการฝึกสมาธิแตกต่างกันหรือไม่ ?

     มีความแตกต่างกันบ้างทั้งนี้เพราะการฝึกสมาธิคือ การทำให้จิตรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแต่การสะกดจิตตนเองแบบ AUTOGENIC TRAINING จะส่งผลให้จิตใต้สำนึกมีภารกิจที่จะต้องกระทำ นอกจากนี้การตรวจคลื่นสมองในภาวะการสะกดจิตตนเองและการฝึกสมาธิ ที่สถาบันฯ ได้ ทำการศึกษาวิจัยปรากฎว่ามีความแตกต่างกันทั้งในรายละเอียดอย่างไรก็ตามในหลักสูตรนี้ผู้เข้ารับการอบรมยังได้ประโยชน์จากการฝึกสมาธิควบคู่ไปกับการฝึก AUTOGENIC TRAINING ด้วย

คำถามที่ 8 ในการที่ฝึก AUTOGENIC TRAINING จะกระทำได้เฉพาะผู้ที่มีความเชื่อเท่านั้นหรือไม่ ?

ไม่จำเป็นทั้งนี้เพราะการประสบความสำเร็จในการสื่อกับจิตใต้สำนึกไม่มีความสัมพันธ์แต่ประการใดเกี่ยวกับระดับความเชื่อของบุคคลนั้นๆ ปรากฏว่ามีบุคคลจำนวนมากที่ฝึกได้สำเร็จอย่างง่ายดายทั้งๆ ที่ไม่มีความเชื่อถือในเรื่องการสะกดจิตเลยแม้แต่น้อย

คำถามที่ 9 
ต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหนจึงจะประสบความสำเร็จและได้ประโยชน์จากการฝึก AUTOGENIC TRAINING?

การฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญจะต้องกระทำอย่างสม่ำเสมอ หากผู้เข้ารับการอบรมนำเทคนิคที่ได้รับการแนะนำไปฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะทำให้มีความชำนาญและจะใช้ระยะเวลาในแต่ละวันสั้นลงเรื่อยๆ โดยทั่วไปหากหวังผลที่จะเกิดขึ้นจากการฝึกมักจะประสบความสำเร็จชัดเจนภายในระยะเวลา 21 วัน เมื่อปฏิบัติต่อเนื่อง

คำถามที่ 10 หากมีปัญหาพร้อมๆ กันหลายเรื่องจะแก้ไขโดยการฝึก AUTOGENIC TRAININGได้ผลในทุกๆ เรื่องหรือไม่ ?

     ในกรณีที่มีปัญหาพร้อมกันหลายๆ เรื่องโดยทั่วไปควรทำการแก้ไขปัญหาทีละเรื่องโดยเริ่มจากปัญหาที่ง่ายที่สุดให้หมดไปทีละเรื่องจะได้ผลดีกว่า

การฝึก AUTOGENIC TRAINING
     ในการฝึก AUTOGENIC TRAINING ต้องอาศัยเทคนิคและขั้นตอน 5 ประการคือ การเตรียมการ การฝึกผ่อนคลาย การเข้าสู่ภวังค์ลึก การป้อนข้อมูลจิต และการยุติขบวนการฝึก ซึ่งจะได้กล่าวถึงในรายละเอียดต่อไป

1. การเตรียมการ
     ในการฝึก AUTOGENIC TRAINING ควรมีการวางแผน และวิจัยในการฝึกฝนอย่างที่สามารถจะกระทำได้อย่างต่อเนื่อง ควรเริ่มต้นโดยการเลือกเวลาที่เหมาะสมในการปฏิบัติ ควรเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดในแตล่ ะวันที่จะไม่ออ่ นเพลียมากเกินไป และควรมีความตื่นตัวพอสมควรในการฝึกปฏิบัติ หากช่วงเช้าเป็นเวลาที่สะดวก อาจจะเริ่มฝึกเมื่อตอนตื่นนอนใหม่ๆ ก่อนลุกจากที่นอน หรือหากเวลาก่อนนอนเหมาะสมอาจใช้เวลาสั้นเพื่อช่วยให้หลับสบายดีขึ้น อย่างไรก็ตามควรเลือกเวลาที่ปราศจากการรบกวนจากบุคคลอื่นและสิ่งแวดล้อมภายนอกจะดีที่สุด ท่าที่ใช้ในการฝึกอาจเป็นท่านั่งหรือท่านอนในอิริยาบทที่สบายก็ได้ และหากมีเสียงรบกวนอาจใช้อุปกรณ์ปิดหู เพื่อให้เกิดความสงบมากขึ้นก็ได้ นอกจากนี้การใช้เสียงเพลงที่เหมาะสมและการให้กลิ่นหอมบางชนิดอาจมีผลช่วยทำให้การฝึกปฏิบัติง่ายขึ้น

2. การฝึกผ่อนคลาย

     เป็นขั้นตอนที่สองซึ่งต้องฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดการผ่อนคลายของทุกส่วนของร่างกายและขจัดความเครียดออกไป โดยปกติจะเริ่มฝึกโดยการฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ 2-3 ครั้ง ซึ่งในหลักสูตรนี้จะได้มีการฝึกฝนตามแนวหัตธาโยคะ (Hatha Yoga) ทุกครั้งที่หายใจออกให้วาดจินตนาการว่าความเครียดกำลังถูกขจัดออกไปทุกลมหายใจออกในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทุกส่วนของร่างกาย จะเริ่มจากบริเวณศีรษะลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปลายแขนและเท้า การเกร็งกำลังกล้ามเนื้อและคลายออกเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เกิดการผ่อนคลายได้เร็วขึ้น ขั้นตอนนี้มีความสำคัญในการฝึก AUTOGENIC TRAINING อย่างมากและบางคนอาจใช้เวลาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และความชำนาญ ซึ่งบางครั้งก็ใช้เวลานานถึงครึ่งชั่วโมง ในขณะที่บางคนใช้เวลาเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น

3. การเข้าสู่ภวังค์ลึก

     เป็นขบวนการที่จะเกิดขึ้นหลังจากการฝึกผ่อนคลายแล้ว จิตจะเข้าสู่ภวังค์ลึกพร้อมรับการป้อนข้อมูล ในการฝึกขึ้นตอนนี้การนับจำนวนเลขจากมากมาหาน้อยจะเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดการวาดจินตภาพที่ดีจะทำให้จิตเข้าสู่ภวังค์ได้ดีขึ้น การวาดภาพลงจากลิฟท์หรือลงจากบันไดจะเป็นเทคนิคที่ช่วยเข้าสู่ภวังค์ได้เร็ว ในหลักสูตรนี้วิทยากรจะได้แนะนำเทคนิคที่ช่วยชักนำให้ผู้เข้ารับการอบรมให้เข้าสู่ภวังค์ได้ลึกพอเพียง

4. การป้อนข้อมูลจิต

     เป็นขบวนการที่จะกระทำได้ต่อเมื่อสมองอยู่ในระดับอัลฟ่าและอยู่ในภวังค์ลึกพอที่จะป้อนข้อมูลให้จิตใต้สำนึกได้ง่าย ข้อความที่ใช้ควรเป็นข้อความที่กระทัดรัดเข้าใจได้ง่ายและจดจำได้ไม่ยากนัก ควรเป็นข้อความที่ระบุสรรพนามของตนเองและกำหนดให้อยู่ในปัจจุบันและไม่ใช้ข้อความในเชิงปฏิเสธ การเลือกข้อความมีความสำคัญที่จะทำให้เห็นผลเร็ว และถ้าหากใช้ข้อความ ดังกล่าวแล้วไม่เห็นผลควรจะเปลี่ยนมาใช้ความใหม่แทน ในหลักสูตรนี้วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจะให้คำปรึกษาในการหาข้อความที่เหมาะสมสำหรับปัญหาแต่ละบุคคล นอกจากนี้การใช้จินตภาพหรือการคิดเป็นภาพก็เป็นการป้อนข้อมูลให้ประทับลงสู่จิตใต้สำนึกได้อย่างแน่นแฟ้นและได้ผลดี เช่นกัน ซึ่งการป้อนข้อมูลในแต่ละครั้งควรมีทั้งข้อความและจินตภาพพร้อมกันจะได้ผลดีที่สุด

5. การยุติขบวนการฝึกจิต

ซึ่งควรจะทำเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการฝึก AUTOGENIC TRAINING ไม่ควรเพียงแต่จะเปิดตาและลุกไปเลย การยุติขบวนการฝึก เป็นขั้นตอนจะทำให้สามารถแยกแยะระดับของจิตที่อยู่ในภวังค์ กับภาวะที่มีสติสัมปชัญญะได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นการปลุกให้ตื่นจากภวังค์นั่นเองในกรณีที่ฝึก AUTOGENIC TRAINING ก่อนนอนและหลับต่อจากนั้นก็ยังควรที่จะแยกให้ออกจากภาวะการสะกดจิตแล้วเข้าสู่ภาวะนอนหลับตามธรรมชาติ การทำเช่นนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการนอนหลับเป็นนิสัยเมื่อฝึก โดยทั่วไปเมื่อเสร็จสิ้นการฝึกควรกำหนดจิตว่าจะตื่นตัวเต็มที่เมื่อนับขึ้นจาก 1 ถึง 5 หรือ10 ยกเว้นในยามนอนอาจกำหนดให้เข้าสู่ภาวะการนอนหลับเป็นธรรมชาติเมื่อสิ้นสุดการนับก็ได้

ขั้นตอนการฝึก (AUTOGENIC TRAINING)
1. ฝึกปราณ
2. เกร็งกำลัง
3. ผ่อนคลาย
4. จินตนาการว่ากำลังลงจากที่สูงโดยนับถอยหลังจาก 20-0
5. ป้อนข้อมูลให้จิตใต้สำนึก (ในสิ่งที่ท่านปรารถนา)
6. ปลุกให้ตื่น
1-2-3 แขนขามีกำลังกลับคืนมา
4-5-6 ทั่วทั้งร่างกายมีกำลังกลับคืนมา
7-8-9 สมองสดชื่นแจ่มใส จิตใจเบิกบาน
เมื่อได้ยินเสียงนับ 10 ให้ตื่นลืมตาขึ้นสมอง สดชื่นแจ่มใส

กฎ 10 ประการ
สำหรับป้อนข้อมูลให้จิตใต้สำนึก

1. ใช้คำสั่งที่เป็นปัจจุบันกาล (ไม่ใช้คำว่า “จะ”)
2. ต้องเป็นคำสั่งเชิงบวก (ไม่ใช้คำว่า “ไม่”)
3. ควรป้อนข้อมูลให้กับจิตฯ ครั้งละ 1 ไม่เกิน 3 คำสั่ง
4. มีรายละเอียดบ้างตามสมควร มีความหมายตรงๆ
5. ใช้คำพูดง่ายๆ ไม่กำกวม
6. ใช้คำพูดที่ตื่นเต้น มีชีวิตชีวา และประทับใจ
7. ข้อมูลที่ป้อนให้กับจิตใต้สำนึก ควรมีความเป็นไปได้
8. การป้อนข้อมูลต้องป้อนให้กับตนเอง และคนใกล้ชิดเท่านั้น
9. ข้อมูลที่ป้อนต้องประกอบด้วยสัมผัสทั้ง 5 (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) จะได้ผลเร็ว
10. ควรป้อนข้อมูลขณะที่ฝึก AUTOGENIC TRAINING ในขั้นตอนที่ 5 ขณะที่อยู่ในอัลฟา


11/11/2012

รีวิวศูนย์วิปัสนาธรรมสีมันตะ (โกเอ็นก้า) ลำพูน/เชียงใหม่

รีวิวศูนย์วิปัสนาธรรมสีมันตะ (โกเอ็นก้า)
http://topicstock.pantip.com


พอดีช่วงวันที่ 10-20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมที่ศุนย์ สีมันตะ จ.ลำพูน ซึ่งศุนย์แห่งนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นานบางส่วนก็ยังสร้างไม่เสร็จก็เลยนำภาพมาให้ดูกัน (ปี 55 เสร็จหมดแล้ว)

ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 200 หมู่ 1 บ้านหนองสร้อย ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 50 กิโล 
เหมาแท็กฃี่จากเชียงใหม่ ราคา 1000 บาท นั่งได้ ไม่เกิน 4 คน (ไป/กลับ 1800 บาท) 
โทร 081 6172116 พงศ์ศักดิ์

เวบอย่างเป็นทางการ http://www.thaidhamma.net/index.php?option=com_content&task=view&id=56&Itemid=58
แนวทางปฏิบัติก็คือการทำวิปัสสนากรรมฐาน โดย 3 วันแรกจะให้นั่งดูลมหายใจ ตามลมหายใจเข้าออกตลอด วันที่ 4 ขึ้นไปจะใช้เราเพ่งความสนใจไปตามจุดต่างทั่วทั้งร่างกาย
การปฏิบัติที่นี้เข้มมากไม่เหมาะกับมือใหม่ ตื่นตั้งแต่ตีสี่แล้วมาหยุดเอาประมาณ สามทุ่มครึ่งมีเวลาพักตอนต้นชั่วโมงและตอนทานข้าวที่ยาวหน่อย เนี่ยเป็นตางรางการปฏิบัติ
ตารางเวลา
04:00 น.  ระฆังปลุก
04:30 น. - 06:30 น. นั่งปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
06:30 น. - 08:00 น. อาหารเช้า
08:00 น. - 09:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
09:00 น. - 11:00 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวม หรือในที่พักส่วนตัวตามที่อาจารย์กำหนด
11:00 น. - 12:00 น. อาหารกลางวัน
12:00 น. - 13:00 น. พักผ่อน
13:00 น. - 14:30 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
14:30 น. - 15:30 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
15:30 น - 17:00 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักตามที่อาจารย์กำหนด
17:00 น. - 18:00 น. พักดื่มน้ำปานะ
18:00 น. - 19:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
19:00 น. - 20:15 น. ฟังธรรมบรรยายในห้องปฏิบัติรวม
20:15 น. - 21:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
21:00 น. - 2130 น. สอบถามข้อสงสัยกับอาจารย์เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม
21:30 น.  พักผ่อน

เราชอบเข้มๆแบบนี้มาก ถ้ามีเวลาว่างก็จะไปอีกมีหลายๆคนที่ได้ประโยชน์จากการปฏิบัติครั้งนี้

ภาพนี้เป็นอาคารวมใหญ่เหมือนกันห่างใกลจากผู้คน เงียบสงบมาก
*** ภาพบางภาพนำมาจากอินเตอร์เน็ต
แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 54 20:57:12
 
 
จากคุณ: Green Green  
เขียนเมื่อ: 2 มี.ค. 54 20:55:57

ศูนย์วิปัสนาธรรมสีมันตะ (โกเอ็นก้า) ลำพูน/เฃียงใหม่

ศูนย์ฯ ธรรมสีมันตะ จ.ลำพูน


www.thaidhamma.net
รูปสถานที่

Taxi Chiangmai 081 617 2116 พงศ์ศักดิ์
ราคา 1000 บาท (1800 บาท ไป/กลับ จะไปรับกลับเชียงใหม่ในวัน เวลาที่ปฏิบัติธรรมเสร็จสิ้น)

ที่ตั้ง

200 หมู่ 1 บ้านหนองสร้อย  ต.มะกอก
อ.ป่าซาง  จ.ลำพูน 51120
โทร.08-6423-4938หรือ 08-6431-0417 
(กรุณาติดต่อในเวลาราชการ วันจันทร์-ศุกร์ 
ระหว่างเวลา 8.30-12.00 น. และ 13.00-17.00 น. 
ยกเว้นวันหยุดราชการและนักขัตฤกษ์)

ตารางการอบรม 

หลักสูตรการอบรมวิปัสสนา 10 วันเริ่มต้นในเย็นวันแรก และสิ้นสุดในตอนเช้าของวันสุดท้าย 

การเดินทาง
เดินทางจากเชียงใหม่ 
ด้วยรถโดยสาร
ขึ้นรถโดยสารสายเชียงใหม่ – ลี้ (ผ่านลำพูน – ป่าซาง – บ้านโฮ่ง-ลี้) 
ที่สถานีขนส่งอาเขต มีวันละ 5 รอบ คือ 10.00น./11.00น./12.00น./
14.00น.และ15.00น. 

หรือขึ้นรถโดยสารสายเชียงใหม่ – ลำพูนที่ตลาดวโรรส (กาดหลวง) 
ริมแม่น้ำปิง มีรถออกทุกครึ่งชั่วโมง ไปลงที่หน้าธนาคารออมสินลำพูน 
แล้วเหมารถสองแถวสีฟ้าสายลำพูน –ป่าซาง – มะกอก เข้าไปส่งที่ศูนย์ฯธรรมสีมันตะ 
บ้านหนองสร้อย โดยบอกว่าอยู่หลังวัดพระพุทธบาทตากผ้า
จากวัดจะมีป้ายบอกทางไปศูนย์ฯ เป็นระยะ (จากลำพูนถึงศูนย์ฯ
ระยะทางประมาณ 30 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง)

ด้วยรถส่วนตัว

จากเชียงใหม่ใช้ถนนสายซุปเปอร์ไฮเวย์ (ทางหลวงหมายเลข 11)
ถึงแยกดอยติให้เลี้ยวขวา (ทางหลวงหมายเลข 114) ตรงไปข้ามทางรถไฟ
ถึงสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 116
(ก่อนถึงแยกไฟแดงสังเกตทางด้านซ้ายจะผ่านศาลคดีเด็กและโชว์รูมมิซูบิซิ) 
ตรงไปเรื่อยๆ จะผ่านสี่แยกป่าห้า (แยกสัญญาณไฟจราจร)
ข้ามสะพานแม่น้ำทาตรงไปจะเห็นป้ายบอกทางก่อนถึงสี่แยกสะปุ๋ง
(แยกสัญญาณไฟจราจร) จะเห็นป้ายป่าซาง-บ้านโฮ่ง
ให้เลี้ยวซ้ายไปทางอ.บ้านโฮ่ง เข้าทางหลวงหมายเลข 106
ถึงปากทางเข้าวัดพระพุทธบาทตากผ้าเลี้ยวซ้ายตรงไปจนถึงหน้าวัดเลี้ยวซ้าย
ตรงไปเจอแยกให้เลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกทาง
จากตรงนี้ไปจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ จนถึงศูนย์ฯ
(ระยะทางจากดอยติถึงศูนย์ฯ ประมาณ 26กม.
ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง)

หรือจะใช้ถนนเส้นสารภี-ลำพูนทางหลวงหมายเลข 106
เข้าตัวเมืองผ่านศาลากลางจังหวัดตรงไปเรื่อยๆ
ผ่านสัญญาณไฟจราจรที่ 1 และ 2 จนถึงแยกสัญญาณไฟจราจรที่ 3
ให้เลี้ยวขวาตรงไป สังเกตด้านขวาจะผ่านลานเจ้าแม่จามเทวี
เจอแยกสัญญาณไฟจราจรข้างหน้าให้เลี้ยวซ้ายตรงไป
ผ่านโรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ลำพูน ตรงไปเรื่อยๆ
ผ่านสามแยกไฟแดง ข้ามสะพานแม่น้ำแม่กวง ผ่านตลาดสบทา
ที่ว่าการอำเภอป่าซาง โลตัสป่าซาง ปั๊มน้ำมันป.ต.ท. จนถึงสี่แยกสะปุ๋ง
(แยกสัญญาณไฟจราจร)
ให้ตรงไปทางอ.บ้านโฮ่งถึงปากทางเข้าวัดพระพุทธบาทตากผ้าเลี้ยวซ้าย 
ตรงไปหน้าวัด เลี้ยวซ้าย เจอแยกให้เลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกทาง
จากตรงนี้จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ จนถึงศูนย์ฯ
(จากในตัวเมืองลำพูนถึงศูนย์ฯ ประมาณ 30 กม.
ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง)
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการเดินทางเข้าศูนย์ฯ
กรุณาติดต่อที่เบอร์โทร. 08-4611-7408 ในวันและเวลาราชการ

จากกรุงเทพฯ

ด้วยรถทัวร์: (ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.rottourthai.com)
ให้ขึ้นรถทัวร์ที่หมอชิต 2 สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่นั้นมีหลายบริษัท
เช่น บริษัทนครชัยแอร์ โทร. 02-936-0009 
หรือบริษัทสมบัติทัวร์โทร. 0-2792-1444
โดยแจ้งพนักงานประจำรถว่าลงที่ดอยติ(ก่อนถึงเชียงใหม่)
รอบที่แนะนำคือ 07.00 น. เพราะจะถึงดอยติเวลาประมาณ 16.00 น.กว่า 
ซึ่งจะสะดวกในการเหมารถสองแถวมากกว่า
จากนั้นให้เหมารถสองแถวไปส่งที่ ศูนย์ฯ ธรรมสีมันตะ
บ้านหนองสร้อย โดยบอกว่าอยู่หลังวัดพระพุทธบาทตากผ้า
จากวัดจะมีป้ายบอกทางเข้าศูนย์ฯ เป็นระยะๆ จากแยกดอยติถึงศูนย์ฯ
ระยะทางประมาณ 26 กม. ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง

ด้วยรถไฟ 

ให้ขึ้นขบวนกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ไปลงที่ จ.ลำพูน
ขบวนที่แนะนำ คือ ขบวนที่ 51 รถด่วน ออกเวลา 22.00 น. ถึง 12.30 น.
(รายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม กรุณาดูที่ www.railway.co.th หรือติดต่อ
1690 หรือ 02-621-8701)

เมื่อถึงสถานีรถไฟ จ.ลำพูนแล้ว ให้เหมารถสองแถวต่อเข้าศูนย์ฯ

ด้วยเครื่องบิน 

มีเที่ยวบินไป จ.เชียงใหม่ทุกวัน วันละหลายรอบ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

1. สายการบินนกแอร์ (ขึ้นที่สนามบินดอนเมือง) 
โทร. 1318 หรือ 02-900-9955 เว็บไซต์ www.nokair.com

2. สายการบินแอร์เอเซีย (ขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ) 
โทร. 02-515-999 เว็บไซต์ www.airasia.com

3. สายการบินวันทูโก 
(โทร. 1126 หรือ www.fly12go.com) 

4. บางกอกแอร์เวย์ 
(โทร. 1771 หรือ www.bangkokair.com)

5. การบินไทย 
(โทร. 02-356-1111 หรือ www.thaiairways.co.th)

เมื่อถึงสนามบินเชียงใหม่แล้ว ให้เหมารถแท็กซี่เชียงใหม่
อัตราค่าบริการ 1000 บาท (เหมาไป/กลับ ราคา 1800) ไม่เกิน 4 คน 
โทร.081 617 2116 พงศ์ศักดิ์
ไปส่งที่ศูนย์ฯ ธรรมสีมันตะ ระยะทางประมาณ 50 กม.
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ฉะนั้นจึงควรเผื่อเวลาให้ถึงศูนย์ฯ ก่อนเวลา 16.00 น.

ด้วยรถส่วนตัว

จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน)
ผ่านดอนเมือง-รังสิต แยกซ้ายตรงไปกิโลเมตรที่ 32 ผ่านสิงห์บุรี
ชัยนาท เข้านครสวรรค์ แล้วตรงขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ผ่านกำแพงเพชร
ตาก ลำปาง จากนั้นจะเห็นแยกนาก่วม (ทางไปลำพูน-เชียงใหม่)
ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 11 ตรงไปเรื่อยๆ
พอเห็นแยกดอยติแล้วจึงแยกไป ทางซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 114
ตรงไปข้ามทางรถไฟจนถึงสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวง
หมายเลข 116 (ก่อนถึงแยกไฟแดงสังเกตทางด้านซ้ายจะผ่านศาลคดีเด็ก
และโชว์รูมมิซูบิซิ) ตรงไปเรื่อยๆ จะผ่านสี่แยกผ่าห้า (แยกสัญญาณไฟจราจร)
ข้ามสะพานแม่น้ำทาตรงไปจะเห็นป้ายบอกทางก่อนถึงสี่แยกสะปุ๋ง

(แยกสัญญาณไฟจราจร) จะเห็นป้ายป่าซาง -บ้านโฮ่ง
ให้เลี้ยวซ้ายไปทางอ.บ้านโฮ่ง เข้าทางหลวงหมายเลข 106
ถึงปากทางเข้าวัดพระพุทธบาทตากผ้าเลี้ยวซ้ายตรงไปจนถึงหน้าวัด
เลี้ยวซ้ายตรงไปเจอแยกให้เลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกทาง
จากตรงนี้ไปจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ จนถึงศูนย์
(ระยะทางจากดอยติถึงศูนย์ฯ ประมาณ 26กม.
ใช้เวลาในการเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง)

วันที่เปิดการอบรม ขอความกรุณาเดินทางเข้าไปที่ศูนย์หลัง
13.00 น.เป็นต้นไป (แต่ควรถึงก่อน 17.00 น.)
เนื่องจากก่อนช่วงเวลาดังกล่าว ศูนย์ฯ
มีความไม่สะดวกบางประการ
ในการจัดเตรียมความพร้อมของสถานที่และการอบรม
แผนที่ทางไปศูนย์ฯ ธรรมสีมันตะ
คลิ๊กที่รูปด้านล่างนี้ เพื่อดูภาพใหญ่


รูปภาพจากศูนย์ฯ ธรรมสีมันตะ


ภายนอกห้องปฏิบัติรวม 


ภายในห้องปฏิบัติรวม พื้นที่รวม 500 ตร.ม. พร้อมห้องสอบอารมณ์ และห้องสำหรับคนไอ


บ้านพักอาจารย์มีทางเดินต่อกับห้องปฏิบัติรวม


ห้องรับประทานอาหารแยกชาย-หญิง และเรือนครัว


ห้องพัก มีห้องน้ำในตัว เรือนหญิง 72 ห้อง เรือนชาย 48 ห้อง
มีห้องพักสำหรับผู้พิการ พร้อมทางลาดขึ้น-ลงอาคาร

วัดเกตการาม เชียงใหม่ พระเกศแก้วจุฬามณีพระธาตุประจำปีเกิดปีจอ


Posted by oishi-1 , ผู้อ่าน : 8308 , 22:53:53 น.   ข้อมูลจา oknation.net

Taxi Chiangmai 081 617 2116 พงศ์ศักดิ์ เช่าเหมาวัน หรือ รายชั่วโมง พร้อมคนขับ

            เจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งตามพุทธประวัติกล่าวไว้ว่าประดิษฐานพระทันตธาตุที่พระอินทร์นำมาจากพระบรมธาตุที่โทณพราหมณ์ได้แอบซ่อนไว้ เมื่อครั้งมีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าให้เจ้าเมืองต่าง ๆ

        ด้วยเหตุที่พระธาตุเจดีย์องค์นี้มนุษย์ไม่สามารถเดินทางไปถึงได้ ดังนั้นนอกจากนมัสการด้วยการบูชารูปแล้ว ยังสามารถบูชา พระเจดีย์ที่วัดเกตการาม เชียงใหม่ ซึ่งมีชื่อพ้องกับพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์


         
 วัดเกตการาม ตั้งอยู่เลขที่ 96 บ้านวัดเกต ถนนเจริญราษฎร์ ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ทั้งหมด 6 ไร่ 1 งาน 51 ตารางวา อาณาเขตทิศเหนือติดทางเดินสาธารณะและที่ดินราษฎร ทิศใต้จดที่ดินราษฎร (สมัย 80 ปีก่อน เป็นทางเดินสาธารณะ) ทิศตะวันออกติดถนนหน้าวัดเกต ทิศตะวันตกจดที่ดินราษฎร และถนนเจริญราษฎร์

วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ในเขตย่านการค้าของชาวต่างชาติ ตามประวัติว่าสร้างโดยพญาสามฝั่งแกน เมื่อ พ.ศ. ๑๙๗๑ แต่พระเจดีย์ได้พังทลายลงในปี พ.ศ. ๒๑๒๑ พระสุทโธรับสั่งให้สร้างขึ้นใหม่ให้เป็นเจดีย์ทรงลังกาแบบล้านนา นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระวิหารใหญ่ที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ และพิพิธภัณฑ์เก็บของใช้พื้นบ้านให้ชม

          ความเป็นมา ความสำคัญ คุณค่าและเอกลักษณ์  วัดเกตสร้างในปี พ.ศ. 1971 สมัยพระเจ้าสามฝั่งแกน (พ.ศ. 1954-1985) พระราชบิดาของพระเจ้าติโลกราช ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ. 1981 สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

          วัดเกต มีศิลาจารึกหลักหนึ่ง ตั้งอยู่บนมุขด้านใต้ของพระวิหาร จารึกเป็นอักษรฝักขามบนหินทรายสีแดง กว้าง 58 เซนติเมตร สูง 176 เซนติเมตร หนา 21 เซนติเมตร ด้านหน้าลบเลือนไปหมด เหลือแต่ดวงศิลาจารึก ด้านหลังพออ่านได้ สรุปได้ว่า ศักราช 940 (ประมาณ มกราคม - กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2121) มีการบูรณะพระเกศธาตุเจดีย์ที่พังลง สันนิษฐานว่า น่าจะพังลงในปีเดียวกับยอดพระธาตุวัดเจดีย์หลวง คือ ปี พ.ศ. 2088 ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เชียงใหม่ มีความรุนแรงขนาด 5.0 - 5.9 ริกเตอร์

          พระเจดีย์ประธานหรือพระธาตุวัดเกต เป็นปูชนียสถานที่ใหญ่โต คือมีฐานกว้าง 82 วา ยาว 63 วา มีเจดีย์บริวาร 4 มุม สำหรับเจดีย์บริวารนี้ เดิมมีฉัตรแบบเดียวกับของวัดพระธาตุดอยสุเทพ แต่ปัจจุบันสูญหายไป ไม่ทราบว่าใครถอดออกเมื่อใดและด้วยเหตุผลใด ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า สมัยก่อนเคยเห็นพระธาตุออกมาเที่ยว โดยจะลอยไปทางทิศใต้เพื่อไปเยี่ยมเยือนพระธาตุจอมทอง มีลักษณะเป็นดวงไฟสีอุ้มฮุ่ม (สีเขียวเข้มและเย็นแบบป่า) พระธาตุนี้เสมือนเป็นการจำลองพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมาไว้บนโลกมนุษย์ ดังนั้นการสร้างพระธาตุเกศแก้วจึงสร้างให้ยอดพระธาตุเอียงนิดหน่อย เพื่อมิให้ยอดชี้ขึ้นไปตรงกับพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์และเดิมองค์พระธาตุเป็นสีตะกั่วตัด เพิ่งมีการนำสีทองมาทาในยุคของท่านพระครูญาณาลังการ เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง

          พระวิหาร สร้างสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 9 ห้อง มีเสาคู่ในรองรับหลังคาหน้าจั่วและเสาคู่นอกรับแนวหลังคาปีกนกย่อเก็จ 3 ตอน ในแนวตะวันออก - ตะวันตก หัวเสาประดับด้วยแก้วอังวะ ตัวเสามีลายทอง มีประตูทางเข้าสามทาง หลังคาทรงจั่วเรียงซ้อนกัน 5 ชั้น (คำเมืองเรียกว่า ซด) 2 ตับ งดงามยากจะหาวัดใดมาเทียบได้ อุโบสถทรงเดียวกับพระวิหาร แต่มีขนาดเล็กกว่า

พระธาตุวัดเกตการาม วัดเกตการาม อ.เมือง จ.เชียงใหม่

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

ตาวะติงสายะ  ปุรัมเม  เกสะจุฬามะณี

สะรีระปัพพะตา  ปูชิตาสัพพะ  เทวานัง

ตังสิระสา  ธาตุอุตตะมัง อะหัง  วันทามิ  สัพพะทา

พระธาตุดอยสุเทพ พระธาตุประปีเกิด ปีมะแม


Posted by oishi-1 , ผู้อ่าน : 1869 , 00:32:01 น.   ข้อมูลจาก oknation.net

Taxi Chiangmai 081 617 2116 พงศ์ศักดิ์ เช่าเหมาวัน พร้อมคนขับ หรือเป็นรายชั่วโมง

พระธาตุดอยสุเทพ พระธาตุประปีเกิด ปีมะแม



วัดพระธาตุดอยสุเทพ หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “ วัดดอยสุเทพ ”  เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ - ปุย

ชื่อของดอยสุเทพ เดิมเรียกกันหลายชื่อ นอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีชื่อ
อุจฉุบรรพต ดอยอ้อยช้าง และดอยกาละ
สาเหตุที่ได้ชื่อว่า “ ดอยสุเทพ ” สันนิษฐานว่า เดิมมีฤาษีตนหนึ่งชื่อวาสุเทพ
หรือสุเทวฤาษี มาบำเพ็ญตบะอยู่บนเขาลูกนี้
คนทั้งหลายจึงเรียกชื่อภูเขา ตามชื่อฤาษีตนนั้น



วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่บนยอด ดอยสุเทพ เป็นหนึ่งในวัดของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีความสำคัญมากที่สุด ในวัดมีเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น ลานเจดีย์เป็นจุดชมทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูนประดับกระจก



ประวัติ

บันไดนาค วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ ระหว่างปี พ.ศ. 2453 - 2463วัดพระธาตุดอยสุเทพ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 8 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์เม็งราย พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการะบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ด้วยการทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้องสามครั้ง พร้อมกับทำทักษิณาวัติสามรอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่ 6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น ด้วยเหตุนี้จึงห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าใน บริเวณพระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น ในปี พ.ศ. 2081 สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ได้ทรงโปรดฯให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิม เป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก พร้อมทั้งให้ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดที่พระบรมธาตุ



ในปี พ.ศ. 2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ วัดอโศการาม เมืองลำพูนได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้ประชาชนขึ้นไปสักการะได้สะดวกขึ้น และกระทั่งถึงสมัยครูบาศรีวิชัย ท่านได้สร้างถนนขึ้นไป โดยถนนที่สร้างนี้มีความยาวถึง 11.53 กิโลเมตร



ประเพณีขึ้นดอย

เป็นพระเพณีที่สืบทอดกันมาแต่อดีต ในคืนก่อนวันวิสาขบูชาของทุกปี ชาวบ้านจะเดินทางด้วยการเดินเท้าถือประทีปธูปเทียนเป็นริ้วขบวนประกอบด้วย

พระสงฆ์ซึ่งเดินนำหน้าขบวน และยังมีหนุ่มสาวที่เดินขึ้นดอยเป็นหมู่เป็นคณะอีกด้วย เริ่มขบวนที่บริเวณอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ใกล้กับวัดศรีโสดาในอดีต

จะแวะนมัสการวัดสักกิทาคา และวัดอนาคามีแต่ปัจจุบันวัดทั้งสองได้ร้างไปแล้วขบวนจึงเดินขึ้นไปนมัสการที่วัดพระธาตุดอยสุเทพเพื่อจะไปทำบุญตักบาตรและฟังพระแสดงพระธรรมเทศนาในตอนเช้าตรู่วันวิสาขบูชา



บันไดนาค

เป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของวัดพระธาตุดอยสุเทพ มีความงดงามทางด้านศิลปะที่ทรงคุณค่า และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นบันไดที่มีเศียรนาค ๗ เศียร เป็นปูนปั้นประดับด้วยกระจกสี บันไดนาคมีถึง ๓๐๐ ขั้น แต่เท่าที่นับได้จริง มี ๑๘๕ ขั้น

นักท่องเที่ยวผู้มานมัสการพระบรมธาตุ มักจะต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกที่ด้านของบันไดนาค ซึ่งมีทัศนียภาพงดงามและมีเสน่ห์เมื่อมองขึ้นไปตามขั้นได นักท่องเที่ยวที่มาเยือนครั้งแรก มักจะเดิน ขึ้นหรือเดินลงบันไดนาคเสมอ แต่ส่วนใหญ่มักจะเดินลง ส่วนตอนขึ้นนั้นมักจะขึ้นทางลิฟท์หรือรถรางไฟฟ้า

ประวัติการสร้างบันไดนาค
         บันไดนาค สร้างขึ้น ในปี พ.ศ.2100 (ค.ศ.1557) โดยมีพระมหาญาณมงคลโพธิ ้เป็นประธานก่อสร้าง ซึ่งมีขนาดความยาว 306 ขั้น จากล่างถึงบน ประกอบด้วยพญานาคทั้ง 2ข้าง ทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ตกแต่งอย่างปราณีต พญานาคแต่ละตัวมี หัว บันไดนาคนี้สร้างมานานกว่า 400 ปี มีการชำรุดไปบ้างแต่ก็ได้รับการบำรุงซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลา จนทำให้พวกเราทุกคนได้เห็นบันไดนาคอยู่ในสภาพเดิมตราบเท่าทุกวันนี้