11/11/2012

วัดเกตการาม เชียงใหม่ พระเกศแก้วจุฬามณีพระธาตุประจำปีเกิดปีจอ


Posted by oishi-1 , ผู้อ่าน : 8308 , 22:53:53 น.   ข้อมูลจา oknation.net

Taxi Chiangmai 081 617 2116 พงศ์ศักดิ์ เช่าเหมาวัน หรือ รายชั่วโมง พร้อมคนขับ

            เจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งตามพุทธประวัติกล่าวไว้ว่าประดิษฐานพระทันตธาตุที่พระอินทร์นำมาจากพระบรมธาตุที่โทณพราหมณ์ได้แอบซ่อนไว้ เมื่อครั้งมีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าให้เจ้าเมืองต่าง ๆ

        ด้วยเหตุที่พระธาตุเจดีย์องค์นี้มนุษย์ไม่สามารถเดินทางไปถึงได้ ดังนั้นนอกจากนมัสการด้วยการบูชารูปแล้ว ยังสามารถบูชา พระเจดีย์ที่วัดเกตการาม เชียงใหม่ ซึ่งมีชื่อพ้องกับพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์


         
 วัดเกตการาม ตั้งอยู่เลขที่ 96 บ้านวัดเกต ถนนเจริญราษฎร์ ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ทั้งหมด 6 ไร่ 1 งาน 51 ตารางวา อาณาเขตทิศเหนือติดทางเดินสาธารณะและที่ดินราษฎร ทิศใต้จดที่ดินราษฎร (สมัย 80 ปีก่อน เป็นทางเดินสาธารณะ) ทิศตะวันออกติดถนนหน้าวัดเกต ทิศตะวันตกจดที่ดินราษฎร และถนนเจริญราษฎร์

วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ในเขตย่านการค้าของชาวต่างชาติ ตามประวัติว่าสร้างโดยพญาสามฝั่งแกน เมื่อ พ.ศ. ๑๙๗๑ แต่พระเจดีย์ได้พังทลายลงในปี พ.ศ. ๒๑๒๑ พระสุทโธรับสั่งให้สร้างขึ้นใหม่ให้เป็นเจดีย์ทรงลังกาแบบล้านนา นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระวิหารใหญ่ที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ และพิพิธภัณฑ์เก็บของใช้พื้นบ้านให้ชม

          ความเป็นมา ความสำคัญ คุณค่าและเอกลักษณ์  วัดเกตสร้างในปี พ.ศ. 1971 สมัยพระเจ้าสามฝั่งแกน (พ.ศ. 1954-1985) พระราชบิดาของพระเจ้าติโลกราช ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ. 1981 สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

          วัดเกต มีศิลาจารึกหลักหนึ่ง ตั้งอยู่บนมุขด้านใต้ของพระวิหาร จารึกเป็นอักษรฝักขามบนหินทรายสีแดง กว้าง 58 เซนติเมตร สูง 176 เซนติเมตร หนา 21 เซนติเมตร ด้านหน้าลบเลือนไปหมด เหลือแต่ดวงศิลาจารึก ด้านหลังพออ่านได้ สรุปได้ว่า ศักราช 940 (ประมาณ มกราคม - กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2121) มีการบูรณะพระเกศธาตุเจดีย์ที่พังลง สันนิษฐานว่า น่าจะพังลงในปีเดียวกับยอดพระธาตุวัดเจดีย์หลวง คือ ปี พ.ศ. 2088 ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เชียงใหม่ มีความรุนแรงขนาด 5.0 - 5.9 ริกเตอร์

          พระเจดีย์ประธานหรือพระธาตุวัดเกต เป็นปูชนียสถานที่ใหญ่โต คือมีฐานกว้าง 82 วา ยาว 63 วา มีเจดีย์บริวาร 4 มุม สำหรับเจดีย์บริวารนี้ เดิมมีฉัตรแบบเดียวกับของวัดพระธาตุดอยสุเทพ แต่ปัจจุบันสูญหายไป ไม่ทราบว่าใครถอดออกเมื่อใดและด้วยเหตุผลใด ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า สมัยก่อนเคยเห็นพระธาตุออกมาเที่ยว โดยจะลอยไปทางทิศใต้เพื่อไปเยี่ยมเยือนพระธาตุจอมทอง มีลักษณะเป็นดวงไฟสีอุ้มฮุ่ม (สีเขียวเข้มและเย็นแบบป่า) พระธาตุนี้เสมือนเป็นการจำลองพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมาไว้บนโลกมนุษย์ ดังนั้นการสร้างพระธาตุเกศแก้วจึงสร้างให้ยอดพระธาตุเอียงนิดหน่อย เพื่อมิให้ยอดชี้ขึ้นไปตรงกับพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์และเดิมองค์พระธาตุเป็นสีตะกั่วตัด เพิ่งมีการนำสีทองมาทาในยุคของท่านพระครูญาณาลังการ เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง

          พระวิหาร สร้างสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 9 ห้อง มีเสาคู่ในรองรับหลังคาหน้าจั่วและเสาคู่นอกรับแนวหลังคาปีกนกย่อเก็จ 3 ตอน ในแนวตะวันออก - ตะวันตก หัวเสาประดับด้วยแก้วอังวะ ตัวเสามีลายทอง มีประตูทางเข้าสามทาง หลังคาทรงจั่วเรียงซ้อนกัน 5 ชั้น (คำเมืองเรียกว่า ซด) 2 ตับ งดงามยากจะหาวัดใดมาเทียบได้ อุโบสถทรงเดียวกับพระวิหาร แต่มีขนาดเล็กกว่า

พระธาตุวัดเกตการาม วัดเกตการาม อ.เมือง จ.เชียงใหม่

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

ตาวะติงสายะ  ปุรัมเม  เกสะจุฬามะณี

สะรีระปัพพะตา  ปูชิตาสัพพะ  เทวานัง

ตังสิระสา  ธาตุอุตตะมัง อะหัง  วันทามิ  สัพพะทา

No comments: